เลือกตั้งซ่อมเมืองคอน พลังประชารัฐ หัก ประชาธิปัตย์
พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสถานะความเป็น “สมาชิกภาพ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของ “เทพไท เสนพงศ์” ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ “สิ้นสุดลง” เก้าอี้ ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช เป็นอัน “ว่างลงทันที”
“ชนักปักหลัง” ของนายเทพไท ที่ทำให้ “พ้นสมาชิกภาพ” ส.ส.เขต 3 เมืองคอน “กลัดหนอง” มาตั้งแต่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดง ที่ 485/2563 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563
กรณีทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช โดยนายพิชัย บุณยเกียรติ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ จำเลยที่ 2
ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชพิพากษาให้นายเทพไทกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาดังกล่าวส่งผลให้นายเทพไทต้องเผชิญกับ “วิบากกรรม” ถูกจำคุก 3 ปี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษ คงจำคุก 2 ปี ไม่รอการลงโทษ และถูก “ประหารชีวิตทางเมือง” โดยให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
เนื่องจากคำพิพากษาเกิดหลังจากการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 ทำให้นายเทพไท ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ต้องพ้นจากตำแหน่ง “ก่อนเวลาอันควร”
7 มีนาคม 2564 คือ วันดีเคย์ เปิดศึกเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช จะระเบิดขึ้น โดยมี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ต้นสังกัด “แชมป์เก่า” เตรียมจะส่ง “พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์” เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช
นายพงศ์สินธุ์ เป็น “น้องชายคนเล็ก” ของ “บ้านใหญ่เสนพงศ์” ที่ส่งมาเป็น “มวยแทน” นายเทพไท เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ยังมั่นใจใน “ฐานเสียง” ของ “ตระกูลเสนพงศ์”
ทว่า “คลื่นใต้น้ำ” ภายในพรรคประชาธิปัตย์ จากความ “แค้นฝังหุ่น” ของ “บ้านใหญ่บุณยเกียรติ” จนทำให้ “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” ส.ส.เขต 5 นครศรีธรรมราช “คู่กรณี” ที่ยัง “ทำใจไม่ได้” ขอ “บอยคอต” ไม่เข้าร่วม “พิธีกรรม”
การประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ที่มี “วาระ” ตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช โดยมี “ชำนิ ศักดิเศรษฐ์” เป็นประธานสรรหา
ถึงขณะนี้มีนายพงศ์สินธุ์เพียง “ชื่อเดียว” ที่ “เสนอตัว” ขันอาสาของป้องกันแชมป์ให้กับ “บ้านเสนพงศ์” โดยหวังว่าจะได้ “ฐานเสียง” ของ “กนกพร เดชเดโช” มารดาของ “ชัยชนะ เดชเดโช” ส.ส.นครศรีธรรมราช ประชาธิปัตย์ ซึ่งเพิ่งได้เป็นนายกอบจ.หญิงเมืองคอนคนล่าสุด โดยมีคะแนนเป็นอันดับ 1 กว่า 263,743 คะแนน
ปมขัดแย้ง-ร้าวลึกของ “สองตระกูลใหญ่เมืองคอน” ระหว่าง “บ้านใหญ่เสนพงศ์” กับ “บ้านใหญ่บุณยเกียรติ” บาดหมางมาจากการ “ชิงความเป็นใหญ่” ในการเลือกตั้งท้องถิ่น แม้จะอยู่พรรคประชาธิปัตย์-บ้านชายคาเดียวกัน และกินข้าวหม้อเดียวกันก็ตาม
ทว่า การเลือกตั้งนายกอบจ.นครศรีธรรมราชทุกครั้ง กลับกลายเป็น“ศึกสายเลือด” ของ “พรรคสีฟ้า” เช่นเดียวกับ การเลือกตั้งนายกอบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ปีที่ผ่านมา ที่นายพิชัย บุญยเกียรติ ขอ “วัดบารมี”
นอกจากประชาธิปัตย์ต้องสู้ศึกใน-รบกันเอง ของคนกันเองในพรรค ระหว่างฐานเสียง 2 บ้านใหญ่ บ้านเสนพงศ์-บ้านบุญยเกียรติแล้ว ยังต้องสู้ศึกนอก-พรรคร่วมด้วยกันเองกับพรรคพลังประชารัฐ
จับสัญญาณ-น้ำเสียงของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และแกนนำ-คีย์แมนพลังประชารัฐ ทั้ง “อนุชา นาคาศัย” เลขาธิการพรรค ที่ยืนยันว่าจะแหกม่าน “มารยาททางการเมือง” ของพรรคร่วมรัฐบาล
โดยการส่ง “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” อดีต ส.ส.ต (ส.ส.สอบตก) ซึ่งในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 แพ้นายเทพไทไปเพียง “หลักพันคะแนน”
ทั้งนี้ การเลือกตั้งเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อ 24 มีนาคม 2562 อันดับหนึ่ง นายเทพไท 33,310 คะแนน อันดับสอง นายอาญาสิทธิ์ 28,742 คะแนน
“ฟางเส้นสุดท้าย” ที่ทำให้ “พลังประชารัฐ หัก ประชาธิปัตย์” ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเขต 3 นครศรีธรรมราช คือ การทำหน้าที่ของนายเทพไทที่ผ่านมาสร้างความ “กระด้างกระเดื่อง” ให้กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอด
นายเทพไทยังทำตัวเป็น “ฝ่ายค้านในรัฐบาล” สวนมติพรรคอยู่เป็นนิจ ทั้งในสภาและนอกสภาและ “ไม่รักษามารยาท” กับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง มิหนำซ้ำยังเป็น “กล้ามเนื้อนอกบังคับ” คอย “แทงข้างหลัง” รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อยู่เสมอ
พรรคพลังประชารัฐจึง “แก้เผ็ด-ดัดหลัง” พรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการส่งนายอาญาสิทธิ์ “แก้มือ-ล้างตา” อีกครั้ง