ล็อกดาวน์มาดริดหลายพื้นที่ หลังติดเชื้อพุ่ง
หลายพื้นที่ของกรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปนจะถูกล็อกดาวน์อีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากตัวเลขการติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วยุโรป
ตั้งแต่ 21 ก.ย.ประชาชนชาวสเปนกว่า 850,000 คนในพื้นที่กรุงมาดริดจะถูกจำกัดการเดินทางและลดจำนวนการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม
จนถึงตอนนี้ สเปนเป็นประเทศที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงที่สุดในยุโรป และกรุงมาดริดเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากไวรัสโคโรนา
รัฐบาลสเปนระบุว่า สเปนมีผู้ติดเชื้อสะสมจากโควิด-19 ถึง 625,651 ราย จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส และอัตราการติดเชื้อในพื้นที่กรุงมาดริดเพิ่มสูงขึ้นกว่าสองเท่าของค่าเฉลี่ยประเทศ
ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.เป็นต้นไป 31 เขตที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในกรุงมาดริดจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ของทางการ
ประชาชนจะสามารถออกนอกพื้นที่ได้เฉพาะการเดินทางไปทำงาน ไปโรงเรียน หรือไปพบแพทย์ ประชาชนรวมตัวกันในพื้นที่ได้ไม่เกิน 6 คน สวนสาธารณะและธุรกิจจะต้องปิดภายในเวลา 22.00 น.
“ มีพื้นที่ 37 เขตที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงมาก คือมากกว่า 1,000 คนต่อประชากรทุก 100,000 คนในช่วง 14 วันที่ผ่านมา” อิสซาเบล ดิอาซ อายูโซ ผู้บริหารรัฐบาลกรุงมาดริดระบุ
“พื้นที่เหล่านี้มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น และมีการติดต่อเชื่อมโยงกัน ดังนั้น เราจำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อให้มีการสังเกตเฝ้าระวังการกักตัว”
สื่อรายงานว่า พื้นที่เหล่านี้ บางเขตเป็นพื้นที่ซึ่งประชากรมีฐานะค่อนข้างยากจน ทำให้พวกเขารู้สึกว่าถูกทางการทอดทิ้ง ถูกตีตรา และมีความกลัวว่ามาตรการคุมเข้มครั้งใหม่จะทำให้รายได้ของพวกเขาลดลงไปอีก
มารี ปาซ กอนซาเลซ ผู้สูงอายุชาวสเปนที่อาศัยใน Vallecas เขตทางใต้ของเมืองที่มีรายได้เฉลี่ยค่อนข้างต่ำ มีประชากรผู้อพยพอาศัยอยู่มาก และเป็น 1 ใน 5 เขตที่มีผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในกรุงมาดริด กล่าวให้สัมภาษณ์สื่อว่า ระบบสาธารณสุขในเขตนี้เป็นอัมพาตไปแล้ว
“ พวกเขาให้เรารอ คนแน่น มีคิวยาวทุกแห่ง เราถูกละเลย พวกเขาทิ้งเราให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า” เธอระบุ
มีรายงานว่า เตียงผู้ป่วย 1 ใน 5 ของโรงพยาบาลชุมชน ถูกใช้รักษาผู้ป่วยจากโควิด-19
ที่ผ่านมา สเปนเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุดในยุโรป ในช่วงการแพร่ระบาดรอบแรก และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30,000 คน