หลายรัฐในออสเตรเลียยังคุมเข้ม แม้ติดเชื้อลดลง
ซิดนีย์ : เมื่อวันที่ 11 ก.ย. บรรดาผู้นำรัฐต่างๆในออสเตรเลียกล่าวปกป้องมาตรการชัทดาวน์และการปิดพรมแดนระหว่างรัฐ โต้กลับการกดดันจากรัฐบาลกลางให้ยกเลิกมาตรการคุมเข้มเพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง
ขณะที่จุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกสองมีจำนวนการติดเชื้อลดลงในช่วงไม่กี่วันนี้ แต่ผู้บริหารรัฐและดินแดนยังคงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดอยู่ รวมทั้งการห้ามเดินทางระหว่างรัฐ เนื่องจากมีความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดในรอบใหม่
Annastacia Palaszczuk มุขมนตรีรัฐควีนส์แลนด์ระบุว่า จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ประจำการตามแนวพรมแดนเพื่อการตัดสินใจที่ยากและเข้มงวด โดยอ้างถึงการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่รัฐในการปฏิเสธไม่ให้หญิงคนหนึ่งจากพื้นที่ปลอดไวรัสของประเทศเข้าร่วมในพิธีศพของบิดาเธอ
กรณีของครอบครัวนี้กลายเป็นประเด็นความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างนายกรัฐมนตรีสก็อต มอร์ริสัน และบรรดาผู้นำรัฐต่างๆเกี่ยวกับประเด็นการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19
โดยนายกฯมอร์ริสันกล่าววิจารณ์การตัดสินใจของทางการรัฐควีนสแลนด์ที่สั่งห้ามไม่ให้หญิงคนนี้เดินทางเข้ารัฐในช่วงที่บิดาของเธอป่วยหนัก และต่อมาก็ปฏิเสธคำขอของเธอที่จะขอออกจากสถานกักตัวเร็วขึ้นเพื่อเข้าร่วมในพิธีศพของบิดา
นายกฯ มอร์ริสัน ซึ่งพยายามจะเริ่มต้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้า หลังจากเศรษฐกิจออสเตรเลียตกต่ำเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามทศวรรษ ยังได้ขอให้รัฐวิกตอเรียพิจารณายกเลิกมาตรการเคอร์ฟิวในเมืองเมลเบิร์นอีกด้วย
แดเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียยืนยันหนักแน่น โดยระบุว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องควบคุมการเดินทางของประชาชนในเมืองเมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ และเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสองในออสเตรเลีย
“หากคุณสามารถควบคุมความเคลื่อนไหวของคนได้ คุณก็จะเห็นว่าพวกเขาทำผิดน้อยลง” แอนดรูว์สกล่าว ในสัปดาห์ที่แล้ว เขาได้ขยายมาตรการล็อกดาวน์นาน 6 สัปดาห์ในเมลเบิร์นออกไปอีกจนถึงวันที่ 28 ก.ย.
เมื่อวันที่ 11 ก.ย. รัฐวิคตอเรีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ 43 ราย และมีผู้เสียชีวิต 9 รายในรอบ 24 ชม. ลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากเคยมีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงกว่า 700 รายในวันเดียวช่วงต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
โดยรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่ถึง 1 ใน 4 ของประชากร 25 ล้านคนทั่วออสเตรเลีย มีอัตราผู้ติดเชื้อโควิด-19 คิดเป็น 75% ของประเทศกว่า 26,500 ราย และ 90% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 797 ราย
ขณะที่รัฐนิวเซาธ์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุด รายงานผู้ติดเชื้อ 10 ราย ขณะที่รัฐควีนส์แลนด์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย โดยการติดเชื้อถูกสกัดหายไปอย่างมีประสิทธิภาพในรัฐและดินแดนอื่น