บริสเบนยกเลิกล็อกดาวน์ หลังไม่พบผู้ติดเชื้อ
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. บริสเบน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของออสเตรเลียยกเลิกคำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้าน หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงเป็นศูนย์ เนื่องจากมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และสอบสวนโรคจำนวนมากทั่วบริสเบน แม้จะยังมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดในประเทศก็ตาม
เมื่อวันที่ 8 ม.ค. มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์อย่างกะทันหัน ส่งผลกระทบกับชาวเมืองกว่า 2 ล้านคน หลังจากพนักงานทำความสะอาดที่ศูนย์กักตัวติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ในสหราชอาณาจักร โดยติดจากผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
แอนาสตาเชีย พาลาสชัค มุขมนตรีรัฐควีนสแลนด์ระบุว่า จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากไม่พบผู้ติดเชื้อหลังการตรวจหาเชื้อหลายหมื่นคน
เธอกล่าวว่ามาตรการล็อกดาวน์ไม่ใช่การทำเกินกว่าเหตุ “เราอยากให้แน่ใจว่า เรารับมือได้เร็ว เรามีมาตรการเชิงรุกอย่างจริงจัง และนี่คือสิ่งที่เราทำ” เธอระบุ
แต่ทางเมืองยังกำหนดให้ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยในอาคารและขนส่งสาธารณะต่อไปจนถึงวันที่ 22 ม.ค. ขณะที่ร้านอาหารและผับจะมีมาตรการใหม่ที่จำกัดจำนวนลูกค้าในร้าน
ออสเตรเลียรายงานผู้ติดเชื้อรายแรกจากโควิดกลายพันธุ์ในสหราชอาณาจักรและทำให้ทางการมีมาตรการควบคุมจำนวนนักเดินทางต่างชาติที่เข้าประเทศและคุมเข้มมาตรการกักตัว
ก่อนหน้านี้จนถึงล็อกดาวน์ บริสเบนเป็นหนึ่งในหลายเมืองของออสเตรเลียที่กลับมาอยู่ในสภาพปกติจากความสำเร็จของประเทศในการควบคุมไวรัส
เชื่อว่าไวรัสกลายพันธุ์ในสหราชอาณาจักร ก่อให้เกิดสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลกมากกว่าการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด-19 ก่อนหน้านี้
ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อสะสมจากโควิด-19 เกือบ 28,600 ราย และมีผู้เสียชีวิต 909 ราย จากจำนวนประชากรทั่วประเทศประมาณ 25 ล้านคน
ขณะที่ในวันที่ 11 ม.ค. ทางการออสเตรเลียระบุว่า มีการปิดห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในซิดนีย์ หลังจากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19
โดยชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 40 ปีตรวจพบว่าติดเชื้อเมื่อวันที่ 10 ม.ค. หลังจากไปรพ. Mount Druitt ในซิดนีย์ ทำให้ต้องมีการปิดห้องฉุกเฉินเพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อ
ในช่วง 24 ชม.ของวันที่ 10 ม.ค. มีผู้ติดเชื้อ 3 รายในซิดนีย์ และเป็นการติดเชื้อในประเทศทั้งหมด
ทั้งนี้ ซืดนีย์และเมลเบิร์นยังคงกำหนดให้ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ