สัญญาณความรุนแรง…เริ่มขึ้นแล้ว
จับตาการเมืองนับจากนี้ หลังรัฐบาลประกาศยกระดับจัดการม็อบ ขณะที่ ม็อบเองอยู่ในความโกรธ
การชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร ระหว่างวันที่ 17-18 พ.ย. ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่หน้าอาคารรัฐสภา หรือ บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) นอกจากจะมีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ยังมีการปะทะกัน ระหว่างผู้ชุมนุมคณะราษฎรและผู้ชุมนุมคนเสื้อเหลืองด้วย
จึงทำให้เห็นว่านับจากนี้ไป สัญญาณของความรุนแรงได้เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว
ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร รายงานผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะการชุมนุมที่เกียกกายเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีผู้บาดเจ็บรวม 55 คน โดยได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา 32 คน ถูกยิง 6 คน มีอาการป่วยขณะชุมนุม 4 คน และบาดเจ็บอื่นๆ 13 คน กระจายรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ
สำหรับสถานการณ์การเมืองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาณความรุนแรง เริ่มก่อตัวชัดขึ้นหลังที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์ บวกกับการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้น้ำและแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม นำมาซึ่งความไม่พอใจต่อแนวร่วมของผู้ชุมนุมอย่างมาก
โดยหลังการชุมนุมระหว่างวันที่ 17-18 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มองเห็นสัญญาณของความเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรงดังนี้
1.ม็อบยกระดับการชุมนุม ดังจะเห็นจากการชุมนุมที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ที่ผู้ชุมนุมเปลี่ยนรูปแบบใหม่ โดยพุ่งเป้าโต้กลับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สลายการชุมนุม ด้วยมีการใช้สีพ้น ทาป้ายและกำแพง สตช.และพื้นถนนบริเวณใกล้เคียง ซึ่งถือเป็นการท้าทายตำรวจโดยตรง
2.ราษฎร – เสื้อเหลือง ปะทะ การชุมนุมวันที่ 17 พ.ย. บริเวณแยกเกียกกาย ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร ได้รื้อแนวรั้วลวดหนามของเจ้าหน้าที่ตำรวจออก โดยตำรวจได้ถอยร่น เปิดทางให้ผู้ที่ชุมนุมที่เดินขบวนมาจากแยกบางโพ ได้ทยอยเดินทางมายังหน้าอาคารรัฐสภา แต่ปรากฏว่า บริเวณดังกล่าว ยังมีมวลชนเสื้อเหลืองบางส่วนยังปักหลักอยู่ จึงมีการเผชิญหน้ากัน โดยมีการขว้างปาสิ่งของใส่กัน ผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย ได้สลับกันบุกพื้นที่ของแต่ละฝ่ายเป็นระยะ โดยภาพดังกล่าว ถูกถ่ายทอดสดทางโทรศัพท์มีคนดูทั้งประเทศ
3.เริ่มมีการใช้อาวุธ การชุมนุมเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์ชุลมุน ขณะที่ม็อบราษฎรปะทะกับม็อบเสื้อเหลือง โดยแกนนำได้ประกาศว่าให้ผู้ชุมนุมถอย อย่าปะทะ จากนั้นได้มีเสียงคล้ายปืน หรือประทัด ดังขึ้นหลายนัด
ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร รายงานว่า มีผู้ชุมนุมถูกยิง 6 คน
4.รัฐบาลไม่อ่อนข้อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ยังคงไม่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีนัก และมีแนวโน้มจะพัฒนาไปสู่ความ ขัดแย้ง นําไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอาจเกิดความเสียหายต่อ ประเทศชาติ และสถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง รวมทั้งความสงบสุขปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชนโดยทั่วไป รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงจึงจําเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้น ในการปฏิบัติ
โดยจะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตราที่มีอยู่ ดําเนินการต่อผู้ชุมนุมที่กระทํา ความผิด ฝ่าฝืนกฎหมาย เพิกเฉยต่อการเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยจะดําเนินคดีต่าง ๆ ให้ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ที่สอดคล้องกับหลักการสากล
5.กลุ่มราษฎร ไม่ยอมจำนน โดยภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ออกแถลงการณ์ กลุ่มราษฎร โต้กลับว่า นี่คือการประกาศสงครามกับประชาชนเต็มรูปแบบใช่หรือไม่ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกแถลงการณ์ โดยจะใช้นิติสงครามเต็มรูปแบบ ทุกมาตราที่มีอยู่ในมือ นั่นอาจรวมถึง 112 ฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลงแล้ว อนาคตของประเทศ ขึ้นอยู่กับข้าราษฎรทุกหมู่เหล่า พนักงานออฟฟิศ ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา และราษฎรทุกคน
ต้องจับตาการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคณะราษฎรในวันที่ 25 พ.ย. ที่หน้าสํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะเกิดขึ้นหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศยกระดับมาตรการกฎหมายจัดการกับผู้ชุมนุม ในขณะที่ผู้ชุมนุมต่างอยู่ในอารมณ์โกรธ
สัญญาณของความรุนแรง เริ่มขึ้นแล้ว