อนันดาฯ เผยผลประกอบการไตรมาสแรกมีรายได้กว่า 1,858 ล้านบาท
บุ๊คกำไรกว่า 150 ล้านบาท กวาดยอดขาย 4,354 ล้านบาทและยอดโอน 3,518 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่วางไว้ ในช่วงปีที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เผยผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2563 มียอดโอน 3,518 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 21% อยู่ที่ 2,908 ล้านบาท จากโครงการ ไอดีโอ คิว วิคตอรี่ และโครงการเอลลิโอ เดล เนสท์ ที่สร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนในไตรมาสแรกเร็วกว่าเป้าหมายที่วางไว้ในไตรมาสสอง นอกจากนี้ยังมาจากยอดโอนต่อเนื่องของโครงการที่สร้างเสร็จก่อนหน้า ส่วนยอดขายอยู่ที่ 4,354 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 12% จาก 3,886 ล้านบาท เป็นยอดมาจากโครงการพร้อมอยู่ สอดคล้องความต้องการที่อยู่อาศัยทำเลใกล้รถไฟฟ้ายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทฯ มีแบ็คล็อค ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 กว่า 30,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของยอดโอนของบริษัทฯ ในระยะ 3 ปี ข้างหน้า
ดร. ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ สามารถทำยอดขายและยอดโอนสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งเป้าหมายไว้ แม้ว่าจะมีความกังวลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อการคาดการณ์การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีภาวะชะลอตัวลงจากปีก่อน ทั้งนี้ในไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,858 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ 150 ล้านบาท ลดลง 35% จากปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า ซึ่งยอดโอนของโครงการร่วมทุนที่โอนต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/2562 เช่น โครงการแอชตัน จุฬา-สีลม โครงการไอดีโอ สุขุมวิท 93 โครงการไอดีโอ โมบิ อโศก และโครงการไอดีโอ พหลโยธิน-จตุจักร ขณะที่ไตรมาส 1/2563 อยู่ในช่วงท้ายของการโอนโครงการร่วมทุนดังกล่าว และโครงการไอดีโอ สุขุมวิท 93 ที่โอนครบทั้งโครงการในช่วงปลายปีก่อน
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1/2563 บริษัทฯมีการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า มีการปรับแผนขายออนไลน์มากยิ่งขึ้น รุกกลยุทธ์การตลาดผ่านรูปแบบการขายและบริการออนไลน์ ด้วยการเปิดตัว “Ananda iStore” กับ 3 ช่องทางออนไลน์ ในการเลือกช้อปปิ้งทั้ง บ้าน-คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชม. เหมือนย้ายทั้ง Sales Gallery มาไว้ในมือคุณเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่เปลี่ยนไปตอบโจทย์ลูกค้าเรียลดีมานด์ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ช่องทางออนไลน์ 3 อย่างประกอบด้วย Ananda Online Booking, Facebook Ananda Development และ Line OA “Chat & Shop”
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงมีมาตรการ “COVID FREE ZONE โดยใช้นวัตกรรม UVC Technology เทคโนโลยีฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต ครอบคลุมการฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 และแบคทีเรีย ที่ผ่านการทดสอบและรับรองจากหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา (CDC) ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 99.9% โดยนำร่องมาใช้กับ 7 โครงการใหม่ที่ก่อสร้างในแล้วเสร็จในปี 2563 และทุกยูนิตที่พร้อมเข้าอยู่ในปีนี้
บริษัทฯ ในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย เข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นอย่างดี จึงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าเป็นสำคัญเพราะจุดมุ่งหมายหลักเราเป็น Urban Living Solutions และปีนี้ถือเป็นอีกปีที่ท้าทาย เพราะสถานการณ์เปลี่ยนยิ่งทำให้ต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ภายใต้แนวคิด “Change The Plan Never The Goal” ยึดมั่นในเป้าหมาย ยืดหยุ่นในวิธีการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดและความต้องการของลูกค้าซึ่งอนันดาฯ ยังคงให้ความสำคัญและเชื่อมั่นในกลยุทธ์การพัฒนาคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า
ทั้งนี้ในปี 2563 บริษัทฯ มีการปรับแผนธุรกิจของบริษัทฯ โดยเน้นขาย และโอนโครงการพร้อมอยู่เป็นหลัก โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 16,600 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดโอน 20,000 ล้านบาท ใกล้เคียงจากปีก่อน และคาดว่าปีนี้จะมีคอนโดมิเนียมที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเริ่มโอนอีก 7 โครงการ เพิ่มเติมจากในปี 2562 ซึ่งมีคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จ และพร้อมเริ่มโอนกว่า 8 โครงการ
บริษัทฯ มีเป้าหมายในการลดสัดส่วนธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-core business) และเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจหลักของบริษัทฯ ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ พร้อมรักษากระแสเงินสดให้มีความแข็งแกร่งโดยสิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดรวมโครงการร่วมทุนกว่า 14,000 ล้านบาท ทั้งยังได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และมีทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลายสามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ และถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังคงรักษาวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวด โดยสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ภายใต้เป้าหมายที่ 1:1