5 สาเหตุ ยังไม่ได้รับ “เงินประกันการใช้ไฟฟ้า”
หลังจากการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้เปิดให้ลงทะเบียนขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่ 25 มี.ค. 63 เป็นต้น จนถึงปัจจุบันได้มีผู้ลงทะเบียนแล้วประมาณ 2 ล้านราย ล่าสุดได้รับเงินคืนแล้ว 1.1 ล้านราย คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 3,125 ล้านบาท
ส่วนอีก 9 แสนรายที่ยังไม่ได้รับเงินคืนนั้น นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ กฟน. ได้อธิบายว่า อาจมีสาเหตุมาจากการผิดเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
1.ลงทะเบียนผิดองค์กร เนื่องจาก กฟน.ดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ เท่านั้น สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่ขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ นอกเหนือจาก 3 จังหวัดดังกล่าว จะต้องลงทะเบียนผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่เว็บไซต์ กฟภ.เท่านั้น
2.เป็นผู้ไม่มีสิทธิ์ในเงินประกัน เนื่องจากหลักการคืนเงินประกันของ กฟน. จะพิจารณาว่า ผู้ลงทะเบียนขอคืนเงินประกันนั้น เป็นบุคคลที่มีชื่อ-นามสกุล ตรงกับผู้วางเงินประกันการใช้ไฟฟ้าไว้หรือไม่
ดังนั้น หากชื่อ-นามสกุล ไม่ตรง ผู้ลงทะเบียนจะไม่ได้รับเงิน ยกเว้นในกรณีที่ข้อมูลไม่ตรงเนื่องจากการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล หรือเป็นทายาทของผู้วางเงินประกัน จะต้องรอข้อความ SMS จาก กฟน.แจ้งให้ยื่นเอกสารยืนยันเพิ่มเติมผ่าน http://measy.mea.or.th เพื่อดำเนินการตรวจสอบ
3.รับเงินผ่านบัญชีธนาคารที่ชื่อไม่ตรงกับผู้วางเงินประกัน เพื่อป้องกันการลักลอบรับสิทธิ์เงินประกันของบุคคลอื่น กฟน.จึงกำหนดให้ผู้ลงทะเบียนที่เลือกรับเงินผ่านช่องทางบัญชีธนาคาร จะต้องใช้บัญชีที่มีชื่อตรงกับชื่อผู้วางหลักประกันเท่านั้น โดยผู้ลงทะเบียนที่เลือกบัญชีที่ชื่อไม่ตรง จะต้องรอข้อความแจ้งผลลงทะเบียนไม่สำเร็จ จึงจะสามารถลงทะเบียนใหม่ได้
4.รับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเบอร์โทรศัพท์ ระบบการลงทะเบียนของ กฟน.กำหนดให้ผู้ที่เลือกช่องทางการรับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ ต้องเป็นประเภทผูกกับบัตรประชาชนเท่านั้น โดยผู้ลงทะเบียนที่เลือกรับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเบอร์โทรศัพท์ จะต้องรอข้อความแจ้งผลลงทะเบียนไม่สำเร็จ จึงจะสามารถลงทะเบียนใหม่ได้
5.ระบบคืนเงินประกันผ่าน 7-ELEVEN แล้ว แต่ผู้ขอคืนเงินประกันยังไม่ไปรับเงิน สำหรับผู้ลงทะเบียนที่รับเงินคืนผ่านระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสของ 7-ELEVEN นั้น เมื่อ กฟน.ตรวจสอบสำเร็จแล้ว จะแจ้งข้อความ SMS ที่ระบุ จำนวนเงิน และรหัส PIN CODE ไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ผู้ขอคืนประกันได้ลงทะเบียนไว้ เพื่อให้ผู้ลงทะเบียนใช้ยื่นรับเงินพร้อมกับแสดงบัตรประชาชน
แต่ปัจจุบันยังพบว่ามีผู้ที่ได้รับสิทธิ์รับเงินผ่าน 7-ELEVEN แล้วจำนวนมากที่ยังไม่ได้ไปรับเงิน ซึ่งหากผู้ลงทะเบียนไม่ไปรับในระยะเวลาที่กำหนด 30 วัน (นับจากวันที่ กฟน.แจ้งผ่าน SMS) กฟน. จะดำเนินการยกเลิกการลงทะเบียนในครั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ขอคืนเงินประกันที่ถูกยกเลิกการลงทะเบียนจะสามารถลงทะเบียนครั้งใหม่ได้ตามปกติ
นายจาตุรงค์ ยังได้บอกอีกว่า นอกจากเงื่อนไขในการลงทะเบียนผิดที่เป็นสาเหตุทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ได้รับเงินแล้ว ยังพบว่า มีผู้ขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าบางส่วนที่ได้รับเงินแล้ว แต่เข้าใจผิดว่ายังไม่ได้รับเงินคืน เนื่องจากไม่ทราบว่าเป็นเงินประกันการใช้ไฟฟ้าที่ กฟน.คืนให้ เพราะยอดเงินที่ได้รับคืนไม่ตรงกับยอดเงินที่เคยวางเงินประกันไว้
ซึ่งในเรื่องนี้เกิดจาก กฟน.ได้คืนเงินประกันพร้อมกับดอกผลจากการวางเงินประกันของผู้ใช้ไฟฟ้า ในอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ของธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นมา กฟน.จึงได้เริ่มคำนวณดอกผลจากเงินประกันการใช้ไฟฟ้าในรอบใหม่คืนให้ในคราวเดียวกัน แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่ขอคืนเงินประกัน กฟน. จะคำนวณดอกผลให้ต่อเนื่องจนกว่าผู้ใช้ไฟฟ้าจะมีการขอคืนเงินประกันนั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทะเบียนขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า สามารถตรวจสอบสถานการขอคืนเงิน รวมถึงตรวจสอบรหัสการยืนยันการรับเงินผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสของท่านได้ที่ https://measy.mea.or.th ในฟังก์ชันตรวจสอบเรื่อง โดยกรอกรหัสประจำตัวประชาชน หรือรหัสประจำตัวผู้เสียภาษี พร้อมกับหมายเลขรับเรื่อง 10 หลัก
ง่ายๆเพียงเท่านี้ อยู่บ้านคุณก็สามารถตรวจสอบได้…