ครม.ไฟเขียวขยายเวลาจ่ายเงินคนจน
ครม.อนุมัติให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาการจ่ายเงินให้คน จนสิ้นเดือนธ.ค.นี้ เป็นสิ้นเดือนม.ค.ปีหน้า หลังพบประชาชนอีกหลายแสนคนยังไม่มาเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารเฉพาะกิจทั้ง 3 แห่ง
“ในที่ประชุม ครม.วันนี้ (27 ธ.ค.) กระทรวงการคลังจะเสนอขอขยายระยะเวลาในการจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือคนที่มีรายได้ ประมาณ 300,000-400,000 รายที่ยังไม่เปิดบัญชีธนาคาร และอีกกว่า 1 ล้านรายที่มีปัญหาเรื่องเอกสารและความชัด เจนออกไปอีกประมาณ 1 เดือน” นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า
ทั้งนี้ มติ ครม.กำหนดให้กระทรวงการคลัง จ่ายเงินให้แก่ประชาชนที่ลงทะเบียนขอรับสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1-30 ธ.ค.59 โดยประชาชนที่มีรายได้น้อยไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงิน 3,000 บาท ส่วนที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ได้รับเงิน 1,500 บาท ประมาณ 8.3 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ กระทรวงการคลังตัดสิทธิ์ทันทีเพราะคุณสมบัติไม่ตรงกับหลักเกณฑ์ 230,000 ราย อีก 1 ล้านรายเอกสารไม่ครบถ้วนและต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ทำให้จำนวนประชาชนที่ได้รับสิทธิจากมาตรการนี้ มีประมาณ 7 ล้านคน โดยได้ตั้งงบประมาณเอาไว้ทั้งหมด 19,000-20,000 ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังคาดว่า จำนวนประชาชนทั้งหมด 7 ล้านคน และอีก 1 ล้านคนที่ต้องพิสูจน์เอกสารหลักฐานนั้น จะทำให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 3 แห่ง ประกอบด้วยธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทย จะไม่สามารถโอนเงินให้ แก่ประชาชนได้ทั้งหมดภายในระยะเวลาที่กำหนด
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (19-23 ธ.ค.59) มีจำนวนประชาชนที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วและผ่านหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง แต่ยังไม่ได้เปิดสมุดบัญชีเงินฝากประมาณ 600,000 คน โดยธนาคารเฉพาะกิจทั้ง 3 แห่งระบุว่าหากภายในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ ประชาชนที่มีสิทธิ์แต่ยังไม่ได้รับการโอนเงิน เพราะยังไม่มีสมุดบัญชีจะต้องเปิดสมุดบัญชีกับธนาคารที่ภายในวันที่ 27 ธ.ค.2559 ตามมติ ครม.หากระยะเวลาที่ ครม.กำหนดจะถูกตัดสิทธิ์ในทันที
ส่วนยังมีประชาชนอีกประมาณ 1 ล้านคน ที่ลงทะเบียนแต่ไม่ได้รับสิทธิ์ เนื่องจากเอกสารและหลักฐานไม่ชัดเจน ก็ต้องถูกตัดสิทธิ์ตามกันไปด้วย
แต่ในที่สุด ครม.ก็มีมติ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2559 อนุมัติให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาการจ่ายเงินให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการต่อไปอีก 1 เดือน โดยนายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบขยายเวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติและการโอนเงินตามมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นโครงการให้เงิน 1,500 และ 3,000 บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ขยายเวลาการตรวจสอบคุณสมบัติจนถึง 16 ม.ค.60 และขยายเวลาการโอนเงินจนถึง 31 ม.ค.60 จากเดิม 30 ธ.ค.59
นายณัฐพร กล่าวว่า เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีผู้มาลงทะเบียน จำนวน 8.3 ล้านคน ขณะนี้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้วประมาณ 7 ล้านคน ขณะที่ ธนาคารเฉพาะกิจทั้ง 3 แห่ง ได้โอนเงินไปแล้ว 6.1 ล้านคน หรือประมาณ 87.5% ของทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1 ล้านคนยังต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติให้ครบถ้วน ซึ่งปัญหาที่ผ่านมา คือ ผู้มีสิทธิ์บางรายยังไม่มีบัญชีเงินฝากกับ 3 ธนาคาร หรือบางรายข้อมูลไม่สมบูรณ์ หรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทำให้การเดินทางเข้ามาเพื่อแก้ไขข้อมูลยังมีปัญหา อีกทั้งจำนวนผู้ลงทะเบียนมีมาก ทำให้จำเป็นต้องขยายเวลาออกไป