อาเซียนเปิดค้าเสรีมากกว่าสหรัฐฯและอียู
“ เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม ” ระบุกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ เปิดเสรีการค้าระหว่างกันมากกว่าสหรัฐฯ และอียู ซึ่งจะทำอาเซียนมีบทบาททางการค้าโลกมากขึ้นในอนาคต
เว็บไซต์ข่าวแชนเนลนิวส์เอเชีย.คอม รายงานเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ว่า องค์กรไม่แสวงผลกำไร “ สภาเศรษฐกิจโลกหรือ เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม ” ( ดับเบิลยูอีเอฟ ) เผยแพร่รายงานที่ออกทุก 2 ปี “ 2016 Global Enabling Trade Report ” สำรวจศักยภาพโดยรวมในกว่า 136 ประเทศหรือเขตเศรษฐกิจที่สามารถกระจายสินค้าและผลิตภัณฑ์ข้ามพรมแดนได้ดี ระบุว่ากลุ่มประเทศสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) 10 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทยและเวียดนาม เป็นตลาดที่เปิดกว้างสำหรับการค้าระหว่างประเทศมากกว่าสหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐฯ
ดับเบิลยูอีเอฟชื่นชมอาเซียนที่เริ่มมีบทบาทในเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ความก้าวหน้าของอาเซียนในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นในช่วงที่อียูและสหรัฐฯเริ่มเปิดกว้างน้อยลง ทั้งนี้หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งชนะเลือกตั้งจ่อขึ้นเป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ ผ่านการชูนโยบายหาเสียงให้คำมั่นจะถอนตัวจากข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศและอาจเรียกเก็บภาษีการค้า ขณะเดียวกัน กลุ่มรัฐอียูก็ถูกกดดันให้ยกเลิกข้อตกลงการค้ากับแคนาดาและข้อตกลงกับสหรัฐฯ ที่อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณา
นายเคลาส์ ชวาบ ซีอีโอ เตือนว่าการค้าเสรีเท่านั้น คือปัจจัยผลักดันที่ทรงพลังมากที่สุดในการพัฒนาเศรษฐกิจโลกและความก้าวหน้าทางสังคม ปัญหาท้าทายของเหล่าผู้นำในปัจจุบัน นอกจากการเผชิญหน้ากับลัทธิปกป้องการค้าที่เน้นจำกัดการนำเข้าเพื่อช่วยอุตสาหกรรมภายในแล้ว ยังมีหน้าที่ทำให้การค้าเติบโตได้อย่างครอบคลุมมากขึ้นด้วย ดับเบิลยูอีเอฟเตือนด้วยว่ายังมีประชากรกลุ่มใหญ่ของโลกที่ถูกละทิ้งจากการค้าระหว่างประเทศและหลุดจากห่วงโซ่คุณค่าโลก โดยคนกลุ่มนี้ จำนวนมากอยู่ในประเทศที่มีประชากรหนาแน่นในเอเชียและแอฟริกา.