“มะขามไทย” สปาแบรนด์ไทยเกรดพรีเมี่ยม
ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องสมุนไพรจนเรียกได้ว่ากลายเป็นเอกลักษณ์ที่คนในประเทศ หรือแม้แต่ต่างประเทศให้ความสนใจ และยอมรับในสรรพคุณช่วยให้ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ตลาดการแข่งขันผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสมุนไพรไทยจึงค่อนข้างเข้มข้นไปด้วยผู้ประกอบการทั้งหน้าเก่า และหน้าใหม่ที่ต่างก็มีความต้องการเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด
“มะขามไทย” (MAKHAMTHAI) ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่กระโดดเข้ามาอยู่ในตลาด ภายใต้การนำของ “ถกนธ์ สมิทธิกร” ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของสมุนไพร รวมถึงช่องว่างทางการตลาดที่ยังมีพื้นที่ให้สอดแทรก โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม แต่ราคาสามารถเข้าถึงได้ให้กับผู้บริโภค ธุรกิจทางด้านสุมนไพรไทยของ ถกนธ์ จึงได้ Startup ขึ้นมา
–เริ่มสร้างแบรนด์
ถกนธ์ ในฐานะ กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนสยามอินเตอร์ฟิวชั่น บอกที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นไอเดียในการทำธุรกิจว่า มาจากการที่ตนเองมีพื้นเพอยู่ในสายงานด้านสุมนไพรอยู่แล้ว เนื่องจากผมมีบริษัท ที่เป็นโรงงานผลิต ที่ได้รับมาตรฐาน GMP ครับ ชื่อ บริษัท ที เอส เจ กรุ๊ป ร่วมทำธุรกิจเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสปามามากกว่า 10 ปี เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการธุรกิจสปาทั้งในประเทศ และเพื่อการส่งออก วันหนึ่งตนจึงมีแนวคิดที่จะสร้างแบรนด์เป็นของตนเอง เพื่อทำผลิตภัณฑ์สปาที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับเกรดส่งออก เพื่อให้ผู้บริโภคในประเทศ และผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมในประเทศได้ใช้
อย่างไรก็ดี หลักการที่สำคัญก็คือจะต้องเป็นแบรนด์ที่มีความเป็นไทย โดยมุ่งเน้นคุณภาพของสินค้า และการเอาประโยชน์ของศาสตร์อโรมาเทอราปี มาผสมผสานกับคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ของสมุนไพรไทยในด้านความงาม ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สปาที่สามารถใช้ได้เป็นประจำวันทุกวัน ในชีวิตประจำวันของเรา หรือสิ่งอื่นๆมาเกี่ยวข้อง เนื่องจากหากพูดเอ่ยถึงสปาผู้บริโภคทั่วโลกก็จะต้องนึกถึงประเทศไทย ดังนั้น ในความคิดแรกของการสร้างแบรนด์จึงควรจะต้องมีคำว่า “ไทย” เข้ามาร่วมอยู่ด้วย หลังจากนั้นเมื่อคิดถึงสปาแล้วก็จะต้องคิดถึงสมุนไพร ตนจึงกลับมาคิดว่าอะไรที่จะสะท้อนถึงความงามได้ ทำให้ตนนึกไปถึงมะขาม แม้ว่าจะไม่ใช่พืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยก็ตาม แต่ก็เป็นพืชที่คนไทยเชื่อว่าเป็นพืชมงคล และนิยมนำมาปลูกในบ้าน
“คนไทยเชื่อว่ามะขามเป็นพืชมงคล ปลูกแล้วจะมีความมั่นคง ยืนยาวตามคุณสมบัติของต้นมะขามที่ทนแดดทนฝน โดยเป็นชื่อที่สื่อความหมายได้ดีมาก เมื่อนำมาผสมกับคำว่า ไทย จึงกลายเป็นแบรนด์ มะขามไทย ในที่สุด การนำไปมอบให้กับผู้อื่นจึงเปรียบเสมือนการอวยพรให้สุขภาพแข็งแรง หรือเป็นของฝากของดีจากประเทศไทย ซึ่งได้ทั้งสุขภาพของผิวกาย และจิตใจทางด้านการผ่อนคลาย”
–เพิ่มกลยุทธ์ออนไลน์เจาะในประเทศ
ถกนธ์ บอกต่อไปอีกว่า การทำตลาดของแบรนด์จะมุ่งเน้นไปที่การส่งออกเป็นหลัก โดยมีลูกค้าจากทั้งประเทศฮ่องกง, จีน, จอร์เจีย และไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสปา, รีสอร์ท และโรงแรมที่ให้ความสำคัญกับการให้บริการมากกว่าผลกำไร โดยผ่านทางงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีลูกค้าจากต่างประเทศเป็นสัดส่วนถึง 95%
สำหรับปีนี้บริษัทเตรียมที่จะดำเนินการเพิ่มกลยุทธ์ในการทำตลาด เพื่อขยายฐานของกลุ่มลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะมุ่งเน้นการทำตลาดบนช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มที่จะสามารถทำได้ เพื่อเจาะตลาดในประเทศไทย โดยล่าสุดได้มีการปูพื้นฐานบนเว็บไซด์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตั้งเป้าจะทำให้มีองค์ความรู้ หรือคอนเท้นท์ (Content) เป็น 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย, อังกฤษ และจีน จากเดิมที่ปัจจุบันมีเพียงภาษาอังกฤษเท่านั้น
อีกทั้งยังจะดำเนินการบนช่องทางเฟสบุ๊ก (Facebook) และไลน์แอด (Line@) โดยมุ่งหวังจะให้เป็นการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ต่อผู้บริโภค รวมถึงให้สามารถเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมสั่งซื้อผลิตภัณฑ์บนช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังจะดำเนินบนช่องทางออฟไลน์ควบคู่กันไป โดยจะใช้กลยุทธ์ในการเข้าหาลูกค้าโดยตรง ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจสปาระดับพรีเมี่ยม, รีสอร์ท, โรงแรมที่ให้ความสำคัญกับการให้บริการสปา ซึ่งจากการออกงานแสดงสินค้าในประเทศพบว่ามีรีสอร์ท และโรงแรมให้ความสนใจเป็นจำนนมาก อีกทั้งยังจะมีจุดจำหน่ายตามร้านของฝากในสถานที่ท่องเที่ยวของหัวเมืองสำคัญ เช่น เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นต้น
–รายได้โต 30-40%
นายถกนธ์ บอกอีกว่า จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในประเทศให้เพิ่มขึ้นเป็น 30-40% และต่างประเทศเป็น 60% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่รายได้ของบริษัทปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้ 30-40% จากการทำตลาด ส่วนแผนการทำตลาดในระยะ 2 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งใจที่จะเปิดหน้าร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของบริษัทเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น
“ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศไทย จะเลือกดูที่แบรนด์ก่อนเป็นลำดับแรกในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ แต่ผู้บริโภคต่างประเทศจะเลือกจากคุณภาพ ส่วนผสม และความเป็นไทย เพราะฉะนั้นบริษัทจึงเลือกที่จะทำตลาดต่างประเทศก่อน และค่อยๆสร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภคในประเทศ หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคต่างประเทศ”
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์แบรนด์ มะขามไทย ประกอบด้วย 1.น้ำมันนวดตัว ซึ่งสามารถใช้ได้ 3 รูปแบบ คือ1.สำหรับใช้ทาตัวในชีวิตประจำวัน 2.ผสมน้ำเพื่อแช่ตัว และ 3.ผสมน้ำเพื่อแช่เท้า, 2.เจลอาบน้ำผสมน้ำแร่, 3.โลชั่นทาผิวกาย หรือบอดี้โลชั่น, 4.สบู่ก้อนล้างหน้า และ5.ก้านไม้ห้อมปรับอากาศ
ส่วนจุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ มะขามไทย นั้น อยู่ที่ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดซึ่งมาจากสมุนไพรไทย โดยมาพร้อมกับสรรพคุณการใช้งานที่ให้สัมผัสเหมือนเข้ารับการบริการสปา รวมถึงกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ และส่วนผสมที่เป็นออแกนิก
“ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีเดเวลลอปเม้นท์แบงก์ (SME Development Bank) มีส่วนช่วยในการสนับสนุนธุรกิจทางด้านของเงินทุนหมุนเวียน เพื่อให้บริษัทสามารถต่อยอดธุรกิจได้สะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสต็อกผลิตภัณฑ์ การออกงานในต่างประเทศ และช่วยประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น”
ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ตนมองว่าอยู่ที่ความชัดเจนในเรื่องของผลิตภัณฑ์ รวมถึงจะต้องมีความสุขกับสิ่งที่ทำ และใช้ความจริงใจเข้าหาผู้บริโภค โดยทั้ง 3 อย่างดังกล่าวจะทำงานผสมผสานกันไปทำให้ธุรกิจเดิหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน.