เหตุใด “บิ๊กตู่” ขอไม่พูดเรื่องการเมือง
“ผมจะไม่พูดเรื่องการเมืองอีกต่อไป ….ไม่ต้องมาถามเรื่องการเมืองอีก ไม่มีคำตอบ”
คำประกาศของ”บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันจันทร์ที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมากับผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ถ้ามองโดยผิวเผินอาจคิดว่าไม่มีอะไร แต่ถ้าวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง จะมองเห็นอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในอารมณ์ของบิ๊กตู่
โดยบุคลิกของพล.อ.ประยุทธ์ นั้นเป็นคนโผงผาง เก็บอารมณ์ไม่อยู่ ส่วนหนึ่งเพราะอดีตนายทหารคนนี้ “เป็นผู้ออกคำสั่ง” เป็นผู้บังคับบัญชามาโดยตลอด
การเข้ามารับหน้าที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.และนายกรัฐมนตรี นั้น “บิ๊กตู่” พูดมาโดยตลอดว่าไม่เคยแม้แต่จะคิด แต่การเข้ามาทำหน้าที่ก็เพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน จนได้ยินคำถาม “… พวกคุณไม่เคยคิดจะช่วยผมบ้างเลยหรือ …” อยู่บ่อยครั้ง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นายกลุงตู่ไม่เคยที่จะหลบหรือหนีนักข่าว “ถามมา ตอบไป” นอกจากการให้สัมภาษณ์แล้ว การขึ้นเวทีปาฐกถาในสถานที่ต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะมีวลีที่ดุเด็ดเผ็ดร้อน กลายเป็นประเด็นอยู่เนืองๆ การพูดแต่ละครั้งมีการกลั่นกรอง และมีการเตรียมข้อมูลมาก่อนทุกครั้ง
จนมีคำพูดที่ว่า “ถ้าไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลที่ชัดเจน นายกรัฐมนตรีคนนี้จะไม่มีทางพูดหรือหลุดอะไรออกมา” อย่างเช่นกรณีเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างชัดเจนว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ต่างประเทศ เพราะอีกไม่กี่วันต่อมา ก็มีการทยอยเปิดเผยข้อมูลบริษัทต่างๆที่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ที่ถูกถอดยศว่าจ้าง
การออกมาประกาศว่าจะไม่พูดเรื่องการเมืองอีกนั้น ย่อมมีอาเจนด้าบางอย่าง ที่ตัวเองหรือคณะทำงาน “สะกิด” เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศในช่วงนี้ไป ทั้งเรื่องของการทำประชามติ เรื่องรัฐธรรมนูญ จวบจนไปถึงเรื่องของการสร้างความปรองดองก็เป็นได้
เพราะบางครั้งบางเรื่องยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าเนื้อ เสียงรังวัด เจ็บตัวฟรี จนอาจกลายเป็นเรื่อง “เสียของ” การที่พล.อ.ประยุทธ์ จะหยุดพูดเรื่องการเมืองนั้นแม้จะไม่ถูกใจคอการเมืองหรือนักข่าวนัก แต่ฝ่ายเสธฯ แล้วถือว่าทำถูกต้อง
แต่ทั้งหมดก็ต้องรอดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะอดทนได้แค่ไหน เพราะแค่ผ่านมาวันเดียวนายกรัฐมนตรีก็อดที่ “แขวะ” หรือพูดถึงการเมืองไม่ได้
เรื่องของกลุ่มนปช. และกปปส. ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องของการทำประชามติ การไม่อนุญาตให้อดีตรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย “พิชัย นริพทะพันธุ์” ไปต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงมีความเห็น
แต่พอถามถึงความเคลื่อนไหวของนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำคนสำคัญพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประยุทธ์ก็ชักสีหน้าและใช้น้ำเสียงที่ตึง-ขึงขังทันที
“ผมเลิกพูดถึงคนๆนี้ไปนานแล้ว อย่ามาพูดกับผม สื่อเป็นคนกำหนดอนาคตบ้านเมืองเช่นกัน เพราะฉะนั้นหากบ้านเมืองเกิดความเสียหายทุกคนก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ”
ก็ต้องมารอดูกันว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะอดใจไม่พูดเรื่องการเมืองได้นานแค่ไหน ยิ่งถ้ามีคนออกมาก่อหวอดหรือเคลื่อนไหวทุกวัน ตะบะของท่านจะทนได้แค่ไหน แต่ถ้าทนไม่ได้ก็พูดออกมาเถอะท่าน เดี๋ยวอกจะแตกตายเสียก่อน
หากชั่งน้ำหนักและการช่วงชิงพื้นที่ข่าวในขณะนี้ ก็อาจเป็นระเบิดเวลาที่อาจทำให้พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนใจหันมาพูดการเมืองมากขึ้นก็เป็นได้ ลองมาจับเวลานาฬิกาทางการเมืองกันว่าเข็มจะชี้ไปทิศทางใด.