ก.แรงงาน ร่วมกับ ม.สวนดุสิต
ก.แรงงาน ร่วมกับ ม.สวนดุสิต ฝึกทักษะนักศึกษาปีสุดท้าย ป้อนธุรกิจความงาม
นายธีรพล ขุนเมือง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า จากการผลการสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่าธุรกิจทางการแพทย์และความงาม เป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่นอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 นับตั้งแต่ปี 2554 โดยเฉพาะการแต่งหน้า แต่งผม แต่งเล็บ เป็นที่นิยมของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ทำให้ธุรกิจความงามเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการจำนวนมาก และหากผู้ประกอบการสามารถให้บริการความงามครบวงจรก็จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการในธุรกิจดังกล่าวจะต้องมีสมรรถนะในการทำงานที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับจากบุคลากรวิชาชีพเดียวกัน และยังต้องรักษาคุณภาพมาตรฐานทางวิชาชีพ และสั่งสมประสบการณ์ในการปฏิบัติงานจริงเพื่อสามารถแข่งขันในตลาดแรงงานได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งทีผู้ประกอบการจะต้องได้รับการพัฒนาสมรรถนะทางวิชาชีพ ด้านความรู้ ความเชี่ยวชาญที่มีมาตรฐานและคุณภาพ รวมทั้งส่งเสริมความยั่งยืนของธุรกิจได้ในอนาคต
นายธีรพล กล่าวต่อไปว่ากระทรวงแรงงานโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ในฐานะหน่วยงานหลักการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ ลดปัญหาการว่างงานเสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้ใช้แนวทางประชารัฐร่วมมือกับศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จัดทำโครงการศึกษารูปแบบการฝึกอบรม หลักสูตร การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจความงามแบบครบวงจร ให้กับนักศึกษาที่กำลังจะสำเร็จการศึกษา เพื่อพัฒนาแรงงานใหม่เข้าสู่ธุรกิจความงาม สร้างโอกาสในการพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถที่นำไปประกอบอาชีพเป็นการยกระดับคุณภาพของธุรกิจความงามด้วย ซึ่งมีระยะเวลาการฝึกอบรม 30 ชั่วโมง ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 26 คน ฝึกทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติใน 3 สาขาอาชีพ คือช่างแต่งหน้า ช่างแต่งผม ช่างทำเล็บ เรียนรู้เกี่ยวกับบริบทและโอกาสทางธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จ บุคลิกภาพของนักบริการที่เป็นเลิศ การจัดทำแผนธุรกิจและแผนการตลาด เทคนิคการแต่งหน้า แต่งผม แต่งเล็บแบบมืออาชีพ เป็นต้น
“ ธุรกิจความงามเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการประกอบอาชีพของแรงงานไทยโดยเฉพาะสตรี อีกทั้งสร้างรายได้สูงให้กับผู้ประกอบอาชีพด้วย การฝึกอบรมครั้งนี้ จะเป็นต้นแบบสำหรับจัดทำคู่มือการฝึกอบรม เพื่อแจกจ่ายให้กับสถาบันฯ และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ ใช้ฝึกอบรมให้กับสตรีในพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้ในเวทีการแข่งขันฝีมือแรงงานระดับนานาชาติและอาเซียน สาขาที่เกี่ยวกับธุรกิจความงามเยาวชนไทยสามารถคว้ารางวัลได้อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นการพิสูจน์ขีดความสามารถของแรงงานในสาขานี้ได้เป็นอย่างดี ” อธิบดีกพร. กล่าว