“นิชซึ”เวชสำอางพรีเมี่ยมจากสารสกัดธรรมชาติ
ความสวยความงามเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวนี้เป็นพิเศษ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นหน้าเก่า และหน้าใหม่ต่างก็ให้ความสนใจเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด แบรนด์ “นิชซึ” (NichSu) ก็คืออีกหนึ่งแบรนด์ที่เข้ามาเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภค
–จากห้องเรียนสู่ธุรกิจ
ชัญญาพัชญ์ ชาญศิริธนาวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มาร์แม็กซ์ จำกัด บอกถึงจุดเริ่มต้นของไอเดียในการทำธุรกิจ ว่า เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ตัวเธอเองเรียนปริญญาโทสาขานวัตกรรม (Innovation) และได้มีโอกาสถ่ายทอดประสบการณ์ในห้องเรียนเกี่ยวกับเครื่องสำอางผสมผสานกับแพทย์แผนไทยประยุกต์ โดยได้มีการพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนมาต่อเนื่อง และจริงจังมากขึ้นจนสุดท้ายได้กลายมาเป็นการ Startup ธุรกิจเวชสำอางพรีเมี่ยมนวัตกรรมจากธรรมชาติเพื่อผิวคนเอเชียภายใต้แบรนด์ “นิชซึ”
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์แบรนด์ “นิชซึ” เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภคที่มีปัญหาเรื่องผิวแพ้ง่าย โดยนำสมุนไพร และสารสกัดจากธรรมชาติมาเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ หลังจากนั้นจึงได้ทำการทดสอบตลาดจากผู้ใช้งานจริง และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยมีผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกออกสู่ตลาดเมื่อเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งชื่อแบรนด์ “นิชซึ” เป็นภาษาเยอรมันแต่ออกเสียงคล้ายภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่าไม่แก่ ดังนั้น ตัวเธอจึงตั้งใจคัดเลือกสารสกัดจากธรรมชาติทั่วโลกมาเป็นส่วนประกอบ
–เพิ่มสัดส่วนบนช่องทางออนไลน์
สำหรับช่องทางในการทำตลาดของแบรนด์นั้น ปัจจุบันผลิตภัณฑ์มีวางจำหน่ายที่ร้านวัตสัน (Watson) จำนวน 250 สาขาทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ โดยที่กลยุทธ์การทำตลาดปีนี้จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ ซึ่งจะมุ่งเน้นการทำตลาดบนช่องทางออนไลน์ให้เพิ่มมากขึ้นเป็นสัดส่วน 10% ในช่วงครึ่งปีแรกจากยอดจำหน่ายทั้งหมด จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 5% เท่านั้น โดยจะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านเพจและแฟนเพจ เพื่อกระจายฐานลูกค้าจากร้านวัตสันให้เข้ามาใช้ช่องทางออนไลน์ผ่านการจัดกิจกรรมบนช่องทางดังกล่าวมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพิ่มลูกค้าใหม่ควบคู่กัน
นอกจากนี้ ช่วงปลายเดือนเมษายน 2561 นี้ บริษัทมีแผนที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทโฟมล้างหน้า และผลิตภัณฑ์ประเภทกันแดดอีก 2 เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ “นิชซึ” จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 3 ประเภท ได้แก่ 1.ครีมสำหรับใช้ตอนกลางวัน หรือเดย์ ครีม (DAY CREAM), 2.ครีมสำหรับใช้ตอนกลางคืน หรือไนท์ ครีม (NIGHT CREAM) และ3.เซรั่มบำรุงผิว (Serum)
“จากกลยุทธ์การทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 18 ล้านบาท หรือประมาณเดือนละ 1.5 ล้านบาท”
ด้านการขยายตลาดสู่ต่างประเทศขณะนี้ยังไม่ได้มีการวางแผนอย่างเป็นทางการเท่าใดนัก เนื่องจากช่องทางทางด้านของการส่งออกของบริษัทยังไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะทำการค้าระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในปัจจุบันก็มีตัวแทนจำหน่ายทางภาคตะวันออกนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายที่ประเทศเพื่อนบ้านบ้างแล้ว
ขณะที่ในปี 2562 ในช่วงกลางปีจะเริ่มใช้กลยุทธ์การแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือบล็อคเกอร์ (Blogger) เพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าให้กว้างขวางมากขึ้น โดยเชื่อว่าจะทำให้สัดส่วนลูกค้าบนช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 15% ได้จากยอดขายทั้งหมด นอกจากนี้ บนช่องทางออฟไลน์ก็จะดำเนินการขยายตลาดไปสู่การจำหน่ายที่ร้านบูท (Boots) ซึ่งจะช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
–เวชสำอางพรีเมี่ยม
ชัญญาพัชญ์ บอกต่อไปอีกว่า จุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ “นิชซึ” อยู่ที่การเป็นเวชสำอางพรีเมี่ยมนวัตกรรมจากธรรมชาติที่เหมาะกับสภาพผิวของกลุ่มผู้ลูกค้าชาวเอเชีย และชาวไทย โดยได้รับการรับรองจากอีโคเสิร์ท (Ecocert) ซึ่งเป็นสถาบันจากยุโรปทีให้การรับรองสารสกัดที่เป็นออแกนิก ซึ่งบริษัทจะคัดเลือกสารประกอบที่ได้รับการรับรองจากสถาบันดังกล่าวมาเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ โดยให้มีส่วนประกอบของสารเคมีให้น้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัยต่อผิวพรรณของลูกค้า
ส่วนภาพรวมของธุรกิจในอนาคต จะมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่าย โดยการทำตลาดทางด้านออฟไลน์ควบคู่ไปกับบนช่องทางออนไลน์ อีกทั้งยังจะเน้นเรื่องการดูแลหลังการขาย ซึ่งกลุ่มลูกค้าของแบรนด์จะเป็นผู้ที่ผิวแพ้ง่าย ดังนั้น อาจจะมีผู้เชี่ยวชาญอย่างดีในตัวผลิตภัณฑ์เวชสำอางคอยให้คำแนะนำกับลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมกับสภาพผิวมากที่สุด
“ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีเดเวลลอปเม้นท์แบงก์ (SME Development Bank) มีส่วนช่วยเหลือธุรกิจให้สามารถขยายตัวได้ โดยบริษัทได้เข้าไปปรึกษากับธนาคารตั้งแต่ช่วงแรกๆ ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนในเรื่องของสภาพคล่อง แม้ว่าบริษัทจะติดเงื่อนไขของการจัดตั้งมาได้ไม่ถึง 1 ปี ซึ่งมีผลทำให้ไม่สามารถขอสินเชื่อได้ แต่ก็ได้รับคำแนะนำจากธนาคารถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยแนะนำเรื่องการทำตลาดไปสู่ช่องทางออนไลน์ และจะคอยส่งข่าวให้รู้เมื่อมีการอบรมเรื่องการทำตลาดออนไลน์”
ชัญญาพัชญ์ ปิดท้ายว่า หลักคิดในการทำธุรกิจที่ยึดถือคือ เน้นเรื่องความจริงใจในทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการตลาดก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ส่วนพนักงานขายก็ต้องสามารถดูแลปัญหาของลูกค้าได้อย่างแท้จริง และให้คำแนะนำกับลูกค้าตามความเป็นจริง หากเห็นว่าไม่เหมาะสมกับสภาพผิวลูกค้าก็จะไม่แนะนำให้ซื้อไปใช้ ทำให้ได้ใจจากลูกค้าแม้ว่าจะซื้อใช้เองไม่ได้ ก็จะแนะนำเพื่อนให้มาซื้อผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ “นิชซึ”.