สรุป 5 ไฮไลท์ ศึกงบประมาณ 67
- ก้าวไกลไม่ปัง
- จุรินทร์ ท็อปฟอร์ม
- ห้ามแตะทักษิณ
- งานง่ายเศรษฐา
- บิ๊กทิน โชว์มวย
ผ่านไปแล้วสำหรับการพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วาระที่ 1 ระหว่างวันที่ 3-5 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมได้เข้าสู่การลงมติรับหลักการวาระแรก 311 ต่อ 177 เสียง งดออกเสียง 4 โดยมีผู้มาแสดงตน 493 คน
5 ไฮไลท์ ศึกงบประมาณ
1)ก้าวไกลไม่ปัง
สรุปในการอภิปรายกฎหมายงบประมาณ 2567 พรรคก้าวไกล ได้เตรียมตัวมาอย่างดี โดยมีการแบ่งหน้าที่ให้กับ สส.อภิปรายไว้เป็นหมวดหมู่ เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำประเด็นกัน และ สส.ส่วนใหญ่ก็ได้เตรียมข้อมูลในการอภิปรายมาเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม การอภิปรายของพรรคก้าวไกล ก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร เนื่องจากรูปแบบของการอภิปรายนั้น เป็นการอ่านตามสไลด์ PowerPoint ซะส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้ท่วงท่าลีลาของการอภิปรายดูจืดชืด คล้ายการนำเสนอรายงานมากกว่าการอภิปราย
นี่เป็นโจทย์ที่พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะต้องไปทำการบ้านเสียใหม่ ว่าการอภิปรายไม่ใช่การรายงานข้อมูล แต่เป็นการนำเสนอด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาอ่าน ถึงจะได้รับความสนใจ จากประชาชน
2)จุรินทร์ ท็อปฟอร์ม
หากเปรียบกับจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์แล้ว จะเห็นมวยคนละรุ่น กับพรรคก้าวไกล
เพราะแม้ จุรินทร์จะไม่มีข้อมูลใหม่ แต่การอภิปรายแบบจี้อย่างถูกจุด บวกกับท่วงท่าลีลาของการอภิปรายแบบมีอาชีพ จึงเรียกได้ว่าชนะขาด
ในการอภิปรายครั้งนี้ นายจุรินทร์ ได้ให้ฉายางบประมาณปี 2567 ว่างบประมาณ “เป็ดง่อย” ซึ่งไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มากนัก พร้อมกับตั้งฉายานายกเศรษฐา ทวีสิน ว่า “นักกู้ถุงเท้าสีชมพู” ซึ่งมาจากงบประมาณปี 2567 ที่จะมีการกู้เพื่อชดเชยงบขาดดุลอยู่ที่ 6.9 แสนล้าน ไม่รวมที่จะกู้อีก 5 แสนล้าน ในโครงการดิจิตอล Wallet
นายจุรินทร์ ได้ย้อนไปตอนที่พรรคเพื่อไทยสมัยเป็นฝ่ายค้าน ได้ให้ฉายารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ว่า “นักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา” แต่วันนี้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกลับจะกู้เองรวมกันถึง 1 ล้านล้าน จึงให้ฉายาเศรษฐาแทนว่า “นักกู้ถุงเท้าสีชมพู”
3)ห้ามแตะทักษิณ
ในการอภิปรายครั้งนี้จะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยได้เตรียมองครักษ์พิทักษ์อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นอย่างดี โดยเมื่อไหร่ที่ฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิง แตะต้องนายใหญ่ ก็จะมีการเรียงหน้ากันออกมาประท้วงในทันที
ยกตัวอย่างตอนที่นายจุรินทร์ อภิปรายถึงโครงการของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งยังไม่มีการพูดถึงชื่อของทักษิณ ชินวัตร แต่อย่างใด แต่พรรคเพื่อไทยก็ไหวตัวทัน รู้ว่าจะมีการอภิปรายถึงคนชื่อทักษิณ ดังนั้น ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์พรรคเพื่อไทย จึงลุกขึ้นประท้วงเพื่อขัดจังหวะในทันที
อีกช่วงคือตอนที่ น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พาดพิงเรื่องในอดีตของพรรค พท. สมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งกรณีการจัดสรรงบประมาณให้แต่ละภาคที่แตกต่างกันตามความนิยมในขณะนั้น อีกทั้งการดำเนินโครงการจำนำข้าวที่ผิดพลาด ก็ถูกขักจังหวะโดยพรรคเพื่อไทย เช่นกัน
4)งานง่ายเศรษฐา
ด้วยความที่การอภิปรายตลอดทั้ง 3 วันเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีการประทะคารมกันขั้นรุนแรง นอกจากนี้ ข้อมูลในการอภิปรายต่างๆ อยู่ในประเด็นไม่ค่อยมีข้อมูลที่จะหลุดออกนอกกรอบ จึงทำให้นายกเศรษฐา ทวีสิน ค่อนข้างที่จะเจอกับงานสบายในการอภิปรายครั้งนี้
โดยตลอดทั้ง 3 วันของการอภิปรายนายกเศรษฐา ได้ลุกขึ้นชี้แจงประเด็นซักถามและข้อสงสัยของฝ่ายค้านอยู่เป็นระยะๆ ขณะที่ฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้ชวนทะเลาะกับนายกเศรษฐาแต่อย่างใด จึงทำให้การอภิปรายครั้งนี้ ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย และออกจะจืดชืดไปด้วยซ้ำ
5)บิ๊กทิน โชว์มวย
ในขณะที่ฝ่ายค้านไม่มีไม้เด็ดที่จะทำอะไรรัฐบาลได้ นั่นเป็นเวลาเดียวกันที่บิ๊กทิน สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โชว์ฝีมือการชี้แจงกึ่งการอภิปรายแบบมีอาชีพให้เห็นว่าของแท้นั้น เป็นอย่างไร
สุทินได้ใช้เวลากว่า 45 นาที ในการชี้แจงฝ่ายค้านถึงประเด็นต่างๆไม่ว่าจะเป็น การปรับลดกำลังพล การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การจัดซื้อเรือดำน้ำโครงการสนามบินอู่ตะเภาเชิงพาณิชย์ ตลอดจนเรื่องเงินอื่นในกองทัพ
ด้วยท่วงท่าลีลาของสุทิน ดาวสภาเมื่อครั้งเป็นฝ่ายค้าน ก็ทำให้การชี้แจงของเขาได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับพรรคก้าวไกลแล้ว ยังถือว่าห่างไกล เพราะการชี้แจงหรือการอภิปรายด้วยความเข้าใจนั้น แตกต่างจากการก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอย่างสิ้นเชิง