ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 17-18 ต.ค.2565
การผงาดขึ้นนั่งหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ของ กรณ์ จาติกวณิช ไม่ใช่เรื่องแปลก หากแต่เป็นเรื่องที่ถูกคาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ว่าจะต้องเกิดขึ้น
เรื่องที่ 1,475 เพราะชื่อของ กรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในยุคของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย่อมมีดีกรีกว่าชื่อของ เทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สำหรับ “กรณ์” การร่วมกันระหว่างกล้า กับ ชาติพัฒนา เป็นเครื่องมือที่จะสามารถทำให้อุ่นใจได้ว่าเลือกตั้งครั้งหน้า จะได้ ส.ส.เข้าสภาอย่างแน่นอน ไม่ต้องเสี่ยงดวงเหมือนการทำพรรคกล้าแต่เพียงลำพัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่รอด
ส่วน “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” แม้รู้ว่า “กรณ์” จะมาตัวเปล่า แต่เขาเชื่อว่า ด้วยชื่อเสียงและชั้นเชิงทางด้านเศรษฐกิจของ “กรณ์” จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับพรรคชาติพัฒนาได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะการนำเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจ ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคการเมืองใด สามารถนำเสนอนโยบายทางเศรษฐกิจได้ถูกใจประชาชน พรรคการเมืองนั้น ก็จะกลายเป็นที่นิยมขึ้นมาทันที
โดยคนอย่าง “กรณ์ จาติกวณิช” ตอบโจทย์นั้น โจทย์ที่คนอย่าง “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ต้องการ
เรื่องที่ 1,476 ตอนแรกก็สงสัยว่าวันนี้ (17 ต.ค.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะจัดงานแถลงงานประกาศ PTT Net Zero Emissions ไปทำไมกัน ในเมื่อเช้าวันนี้สื่อเกือบทุกสำนักของประเทศไทย ก็ลงข่าวกันอย่างอึกทึกคึกโครมใหญ่โตมโหฬารกันไปแล้วเกือบทุกฉบับ สร้างความฉงนให้กับผู้สื่อข่าวที่ต้องเดินทางมาทำข่าวไม่น้อย โดยต่างก็คาดเดากันไปต่างๆนาๆ ว่าจะมีอะไรที่ใหม่ไปกว่าที่สื่อทุกสำนักลงไปแล้วหรือไม่ว่าทางกลุ่ม ปตท. มีการตั้งเป้าการเป็น Net Zero เร็วกว่าเป้าหมายของประเทศถึง 15 ปีในปี 2050
จากเป้าหมายของประเทศที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปประกาศก้องในการประชุม Cop26 ที่เมื่องกาสโกว์ ประเทศกสอตแลนด์ปี 2065 โดย “ท่านผู้ว่าโด่ง อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์” กล่าวบนเวทีแถลงข่าวชัดเจนว่า งานวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ต้องการโชว์ห้องแถลงข่าวใหม่เท่านั้น เลยอยากชวนสื่อมวลชนมาทดลองใช้ ก็ถึงบางอ้อกันไปเลยทันที แต่ไหนๆก็มากันแล้วเกือบทุกสำนัก ประเด็นข่าวที่ถามก็เลยหลากหลาย แตกยอดออกมา ทั้งเรื่องของราคาพลังงานที่คาดว่าปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ หรือปริมาณการสต็อกน้ำมัน 4 ล้านบาร์เรล ที่ซื้อเข้ามาตั้งแจ่ช่วงที่เกิดสงครามรัสเซีย ยูเครน เมื่อเดือน ก.พ. เวลานี้ก็เริ่มทยอยนำออกมาใช้ เนื่องจากมองว่าคงไม่เกิดประเด็นเรื่องการขาดแคลน อย่างน้อยก็ยังพอมีประเด็นให้ได้ลงข่าวกันบ้าง ไม่ไปกันเสียเที่ยว
เรื่องที่ 1,477 ประเด็นข่าวกรมศุลกากรจับหมูเถื่อน หลายร้อยกิโลกรัม นับรวมแล้วมากกว่า 10 ตันนั้น สายข่าวรายงานล่าสุด เรื่องหมูๆ ไม่ใช่หมูอีกแล้ว เพราะมีคำถามว่า ทำไมหมูเถื่อนมีเยอะจัง ไม่รู้ว่ากระจายไปยังเขียงหมู ร้านหมูกระทะ หรือวิ่งเข้าห้างยักษ์ใหญ่ที่มีสาขากระจายไปอยู่ทั่วประเทศหรือเปล่า ไม่มีใครตอบได้อย่างชัดเจน เนื่องจากราคาหมูเถื่อนนั้น ถูกกว่าหมูที่ผลิตได้ในประเทศไทย แถมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือ กระทรวงเกษตรฯ ยังทำทองไม่รู้ร้อน บอกไม่ใช่เรื่อง พร้อมยืนยัน นอนยันว่า ไม่มีหมูนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว
ส่วนไอ้หมูเถื่อน!! ที่ระบาดอยู่เวลานี้ เป็นเนื้อหมูและอะไหล่ที่เอามาทำอาหารสัตว์ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตนำเข้าจากหน่วยงานไหนทั้งสิ้น และยังไม่มีอัตราภาษีอีกด้วย ผู้นำเข้าสามารถเอาเนื้อหมูที่อ้างว่า “วัตถุดิบอาหารสัตว์” ไปฝากโรงแช่แข็งหรือฝากขายในห้าง!! ก็ได้นะจ๊ะ สุดท้ายหนีไม่พ้น คนเลี้ยงหมูที่ขาดทุนย่อยยับ ส่วนพี่ไทยต้องเสี่ยงกินหมูที่ไม่ถูกหลักอนามัย เรื่องเศร้าๆ !! ทำไมเยอะจัง
ปล.ไม่เชื่อ ช่วยเทียบราคาเนื้อหมูในช่วงก่อนที่กรมศุลกากรจับกุมหมูเถื่อน กับหลังจากที่ศุลกากรจับ ราคาแตกต่างกัน 30-50 บาทต่อกิโลกรัม
เรื่อง 1,478 การลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. – 17 ต.ค. 2565 ณ เวลา 12.00 น. มีประชาชนลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 21,526,830 ราย ดีหรือไม่ (ยกมือขึ้น) ส่วนอีกโครงการคือ โครงการคนละครึ่งเฟส 5 ล่าสุด มียอดการใช้จ่ายทะลุ 3.4 หมื่นล้านบาทแล้ว ใครเห็นดีด้วย (ยกมือขึ้น) และสิ้นปีนี้ นั่งรอลุ้นโครงการใหม่ของกระทรวงการคลังหวังกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีนี้ ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า หน้าตาคงดูเหมือนเดิม ไม่ต่างจาก “ชิม ช้อป ใช้” หรือจะคล้ายๆ “ช้อปดีมีคืน” ก็เท่านั้น แต่น่าเวทนาคือ หนี้สาธารณะตอนนี้ พุ่งแตะ 10 ล้านล้านบาท ดีหรือไม่ (ยกมือขึ้น)
โดยนพวัชร๋