หมอนโรงแรม 6 ดาว 100 ล้านแนะต้องแตกต่างและใจถึง
อายุไม่ได้เป็นปัจจัยที่บ่งบอกถึงความสำเร็จในการทำธุรกิจ เฉกเช่นเดียวกับการศึกษา และพื้นฐานทางสังคม หรือครอบครัว เพราะปัจจัยสำคัญที่จะนำพาไปสู่ปลายทางก็คือ ความกล้าที่จะตัดสินใจทำในสิ่งที่แตกต่าง ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด และผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง
“คมศานต์ จิวากานนท์” คือกรณีตัวอย่างที่สามารถพิสูจน์เรื่องดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เพราะด้วยวัยที่อยู่ในช่วงอายุประมาณ 30 ต้นๆ ก็สามารถสร้างธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนได้มากกว่า 100 บาท แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนที่เรียนหนังสือเก่ง แต่เป็นเพียงเด็กเกเรในชั้นเรียนคนหนึ่งที่จบออกมาด้วยเกรดเฉลี่ยไม่สวยหรู ขณะที่ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร
จากผู้รอดชีวิตสู่ธุรกิจร้อยล้าน
คมศานต์ บอกว่า หลังจากเรียนจบ ตนเองก็ไม่มีงานทำตกงานอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะไม่มีกิน ก็เลยตัดสินใจไปเป็นพนักงานส่งเอกสาร ก่อนจะลาออกไปเป็นตัวแทนขายประกัน และเป็นพนักงานดูแลยอดขายประจำห้าง ตรงนี้เองทำให้มีความรู้เรื่องหมอน เพราะได้ทำงานบริษัทเครื่องนอน การทำงานตรงนี้ถือว่าอยู่ในขั้นดี ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน หัวหน้างาน แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่น ทำให้ติดเล่น เที่ยวและดื่มเงินเดือนก็หมดไปกับสิ่งเหล่านี้ เงินเดือนเริ่มไม่พอใช้ การทำงานก็แย่ลง โดนใบเตือน ตัดโบนัส และสุดท้ายก็โดนไล่ออก พอตกงานภาระหนี้สินก็มากมาย ได้งานที่ใหม่แต่เงินก็ไม่พอใช้เพราะยังดื่มเหล้าทุกวัน สุดท้ายตกงานอีก ครั้งนี้ปัญหาหนี้สินเยอะมาก ทำให้เราคิดฆ่าตัวตาย
“ตนทำงานเข้าออกอยู่หลายแห่ง เคยแม้กระทั่งถูกไล่ออกจากความผิดที่ไม่สามารถอุทรณ์ได้จากความคิดชั่ววูบ และที่พีกสุดๆคือการคิดสั้นขับรถลงจากสะพานสาทรช่วงกลางดึกโดยหลับตาทั้ง 2 ข้าง ปล่อยให้รถแล่นไปบนถนนตามยถากรรม โดยอธิษฐานในใจว่าหากผู้มีอำนาจกำหนดชะตาชีวิตมนุษย์ต้องการให้ตนเองไม่มีชีวิตอยู่บนโลกก็คงจะหมดเวลาเพียงเท่านี้ แต่หากต้องการให้อยู่ต่อไปก็จะต้องอยู่อย่างยิ่งใหญ่ ปรากฏว่าสัญญาณไฟจราจรเป็นไฟเขียวผ่านตลอดดั่งปาฏิหาริย์”
เมื่อโชคชะตากำหนดให้ต้องอยู่สู้ต่อไป จึงมีแรงฮึดในการคิดหาหนทางในการสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว จนเส้นทางสายอาชีพได้นำพาให้มารู้จักกับรุ่นพี่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายหมอน และได้ให้โอกาสในการนำสินค้ามาจำหน่ายโดยให้เครดิตมาก่อน
ถือกำเนิด “Luxury”
และนี่เองจึงถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการกำเนิดแบรนด์ “Luxury” หมอนโรงแรม 6 ดาวจึงเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และส่งให้ “คมศานต์” เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลักษณ์ โฮเทลซัพพลาย จำกัด โดยหลังจากที่จำหน่ายหมอนให้กับรุ่นพี่ไปได้สักระยะหนึ่ง ซึ่งเลือกทำเลเป็นคอมมิวนิตีมอลล์ เพราะมองว่าเป็นกลุ่มที่น่าจะมีกำลังซื้อสูง ทำให้มองเห็นช่องทางและโอกาสทางการตลาด จึงเริ่มเดินหน้าหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งสถานที่ผลิต ช่องทางการจำหน่าย ราคาขายตามสถานที่ต่างๆ เพื่อนำมาประเมินว่า จะวางการตลาดไปในแนวทางใด
ทั้งนี้ เมื่อข้อมูลทุกอย่างพร้อม จึงเดินทางเข้าไปที่โรงงานผลิตหมอน และสั่งผลิต โดยมีโจทย์ว่าวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็นเส้นใย ผ้าหุ้ม ปลอกหมอน ชื่อแบรนด์จะต้องแตกต่างจากของที่เคยรับมาจำหน่าย แบรนด์ “LUXURY หมอนโรงแรม 6 ดาว” จึงเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมนอกจากสินค้าจะแตกต่างแล้ว เรื่องของราคา Luxury ก็ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนด้วยราคาจำหน่ายที่สูงกว่าเกือบ 1 เท่าตัวหรือ 1 เท่าครึ่ง เพื่อไม่ให้เป็นการจำหน่ายในตลาดเดียวกัน โดยยังยึดทำเลคอมมิวนิตีมอลล์เป็นหลัก ก่อนขยับขยายไปสู่ใต้ตึกออฟฟิศต่างๆ
“ปัญหาที่ตามมาหลังจากที่ Luxury ได้รับความนิยมก็คือ สินค้าลอกเลียนแบบที่ตนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ต้องตัดสินใจปรับเปลี่ยนแผนการทำตลาดอีกครั้ง โดยหันมาเลือกใช้วัตถุดิบเส้นใยทำหมอนที่โรงงานไม่นิยมนำมาทำหมอน นั่นก็คือเส้นใยไมโครคลิมป์ (Micro Climp)เนื่องจากมีราคาแพง รวมถึงเกิดความสูญเสียได้ง่าย และการผลิตแต่ละวันได้ปริมาณหมอนน้อยมาก แต่ต้องมีการลงทุนสร้างโรงงานและเครื่องจักรขึ้นเพื่อผลิตหมอนดังกล่าว ซึ่งครั้งนี้มีการจดลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง โดยการทำตลาดช่วงแรกผู้บริโภคก็ยังไม่มีความเข้าใจว่าไมโครคลิมป์คืออะไร และดีอย่างไร แต่หลังจากได้พิสูจน์ก็เริ่มมีคนรู้จัก และมีฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ขณะเดียวกันบริษัทได้มีการรับประกันให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปแล้ว สามารถเปลี่ยนสินค้าได้หากเกิดปัญหา และมีบริการหลังการขายที่ดี เป็นจุดแข็งที่ทำให้ลูกค้ามีความชื่นชอบ รวมถึงลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำ และเกิดการบอกปากต่อปาก ทำให้มีลูกค้ามาซื้อสินค้าต่อเนื่อง โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มระดับบน ที่มีกำลังซื้อ โดยราคาหมอน มีตั้งแต่ราคา 490 บาทที่เป็นหมอนเด็ก จนถึงราคา 7,990 บาท
แตกต่างและใจถึง
คมศานต์ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการประสบความสำเร็จบนเส้นทางธุรกิจนั้น ต้องยอมรับให้ได้ก่อนเลยว่าปัจจุบันผลิตภัณฑ์ หรือบริการถูกออกแบบมาเกือบจะหมดแล้ว การจะคิด หรือหาอะไรใหม่ๆอาจจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้น การทำธุรกิจอาจจะเป็นการหยิบจับผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาจุดเด่นให้แตกต่างออกไปจากรูปแบบเดิม
“เมื่อก่อนใครจะคิดว่าเราจะนั่งรถแท็กซี่กับมอเตอร์ไซด์วิน ทั้งที่เป็นเรื่องง่ายมาก จนกระทั่งวันนี้มามีบริการแกร็บ ลาลามูฟ ทั้งที่เมื่อ 10 ปีที่แล้วถ้าทำได้ก็รวยไปแล้ว แต่ก็คิดไม่ได้ กับการคิดต่างแค่นิดเดียว สิ่งที่อยากบอกก็คือนักธุรกิจใหม่ๆ ทุกคนมีของดีอยู่แล้ว มีอะไรที่ตัวเองถนัด เพราะฉะนั้น การนำสิ่งที่ตนเองถนัดมาสร้างเป็นอาชีพก็เป็นเรื่องที่ดี พัฒนาต่อยอด และใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่เหมือนใคร”
อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญสำหรับยุคนี้ ยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัว ความใจถึงก็เป็นปัจจัยที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ ยิ่งเป็นผู้ประกอบการายเล็กยิ่งต้องคำนึงถึงเรื่องดังกล่าวนี้ เพราะหากเราจะเข้าสู่เวทีการแข่งขันก็ควรจะทุ่มลงไปให้เต็มที่ และคิดอะไรให้ฉีก หรือแตกต่างออกไปเลย
หากคิดว่าตนเองยังแข็งแรงไม่พอในตลาด ก็อาจจะใช้วิธีการหาพันธมิตรทางธุรกิจ หรือพาสเนอร์ที่มีผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงกับตนเองในการช่วยกระจายผลิตภัณฑ์ออกไปให้ครอบคลุม เราเอาจจะได้ผลกำไรที่ลดลง แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือยอดขายที่เพิ่มขึ้น และแบรนด์ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น เราคนเดียวอาจไม่สามารถทำได้
“การไปถึงจุดที่เรียกว่าอายุน้อยร้อยล้านในยุคนี้ อาจจะไม่ได้ยากเหมือนยุคที่ผ่านมา แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ในทางตรงกันข้ามก็จะมีเทคโนโลยีที่เข้ามาสนับสนุนช่วยทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย และจุดกระแสธุรกิจติดได้ง่ายกว่า ถ้าผลิตภัณฑ์ของเราตอบโจทย์”