WHO ส่งทีมไปจีนสอบสวนต้นตอไวรัสโคโรนา
เจนีวา : เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ดร.เทดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผอ.ใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า จะส่งคณะทำงานไปที่จีนสัปดาห์หน้าเพื่อสอบสวนหาต้นตอของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
“เราสู้กับไวรัสได้ดีกว่านี้หากเรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับไวรัส รวมถึงประเด็นที่ว่ามันเริ่มต้นขึ้นอย่างไร” เทดรอสกล่าว “ เราจะส่งทีมไปจีนสัปดาห์หน้าเพื่อเตรียมพร้อมในเรื่องนี้”
ทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า โรคระบาดนี้อาจรั่วไหลออกมาจากแล็บในเมืองอู่ฮั่น แม้ทั้งสองคนจะไม่มีหลักฐานยืนยันในประเด็นนี้ และจีนปฏิเสธแข็งขัน ขณะที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ไวรัสอุบัติขึ้นในธรรมชาติ
ทรัมป์ประกาศแผนที่จะยุติการทำหน้าที่ของ WHO ซึ่งเขาระบุว่า มีความใกล้ชิดกับจีน เขายังได้กล่าวซ้ำๆเน้นย้ำว่า ไวรัสมีต้นกำเนิดจากจีน โดยเรียกว่า “Kang Flu” ในการหาเสียงสองครั้งในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นคำที่ทางทำเนียบขาวได้อธิบายก่อนหน้านี้ว่ายอมรับไม่ได้ และกลุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียระบุว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการใช้คำของทรัมป์ ไมค์ ไรอัน ผอ.ฝ่ายโครงการฉุกเฉินของ WHO เรียกร้องให้มี “วาทกรรมระดับนานาชาติที่อยู่บนพื้นฐานของการเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน ”
“ คนจำนวนมากทั่วโลกใช้คำที่ไม่เหมาะสมในสถานการณ์นี้ ” เขาระบุ
โดยไรอันระบุว่า มีความก้าวหน้าอย่างมหาศาลในการคิดค้นวัคซีน แต่ยังไม่มีการรับประกันความสำเร็จ ขณะเดียวกัน หลายประเทศต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่มีอยู่ในการรับมือกับโรคระบาดด้วยการตรวจทดสอบ แยกกักตัวผู้ป่วยยืนยัน และการสอบสวนโรค
เขายังได้ระบุถึงญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเยอรมนีที่มียุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมและยั่งยืนในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
“ มีหลายประเทศมากๆที่ใช้ยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมจนทำให้มีการแพร่ระบาดในระดับต่ำในประเทศเหล่านั้น แต่ยังคงต้องระมัดระวังตัวในกรณีที่มีคลัสเตอร์ หรือการระบาดจำนวนเล็กน้อยเกิดขึ้นอีก”
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน ทางดร.เทดรอสยังระบุว่า การระบาดของโควิด-19 ยังไม่ถึงจุดเลวร้ายที่สุด โดยชี้ว่า หลังจาก 6 เดือนที่ WHO เตือนถึงการติดเชื้อทางเดินหายใจครั้งแรก จนถึงตอนนี้ มีผู้ป่วยสะสมทั่วโลกทะลุ 10 ล้านรายไปแล้ว และมีผู้เสียชีวิตจากโลกนี้เกิน 500,000 ราย
“ คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อ ไวรัสยังคงระบาดได้อีก ” เขากล่าว
“เราทุกคนอยากให้มันจบ เราอยากดำเนินชีวิตของเราต่อไป แต่ความจริงที่ยากคือเรายังไม่ใกล้จะถึงจุดจบเลย แม้หลายประเทศจะมีความก้าวหน้าทั่วโลก แต่การระบาดยังเพิ่มอย่างรวดเร็ว ”