ปชน.แนะ นายกฯ พาทักษิณ เข้ามาตอบในสภา

“ณัฐพงษ์” หารือ “วันนอร์” กรณีญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ถอนชื่อ “ทักษิณ” ชี้ต้องการเดินหน้าญัตติต่อ พร้อมแก้ถ้อยคำหากประธานสัญญาได้ว่าจะไม่ขวางระหว่างอภิปราย-ยินดีให้ผู้อภิปรายรับผิดชอบเอง ด้านประธานยืนยันต้องเป็นไปตามข้อบังคับ-รักษากติกา เตรียมหารือร่วมบ่ายวันนี้
วันที่ 13 มีนาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ใช้โอกาสวาระปรึกษาหารือในการตั้งคำถามถึงการใช้อำนาจของประธานสภาผู้แทนราษฎร วันมูหะมัดนอร์ มะทา ในการสั่งให้พรรคร่วมฝ่ายค้านนำชื่ออดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
โดยณัฐพงษ์ระบุว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านยืนยันว่าต้องการเดินหน้าต่อให้มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ได้ภายในสมัยประชุมนี้ และขอใช้พื้นที่สภาแห่งนี้ในการหารือมากกว่าการตอบโต้ผ่านหน้าสื่อเพื่อให้ได้ข้อสรุป อย่างน้อยภายในสัปดาห์นี้จะได้เดินหน้ากระบวนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ได้วางใจได้

วันนี้พวกตนไม่ได้ต้องการมาถกเถียงในประเด็นข้อกฎหมาย แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือการใช้อำนาจของประธานสภาผู้แทนราษฎร ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชน ซึ่งทางพวกตนก็ได้ประสานว่าจะมีการหารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎรในช่วงบ่ายวันนี้ แต่เราเองก็ต้องมีความโปร่งใส ไม่ให้ประชาชนมีข้อครหาว่ามีกรอบหรือเงื่อนไขอะไรในการคุยกับประธานหลังบ้านบ้าง
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าตามหนังสือที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ตอบกลับมาเมื่อวาน เนื่องจากเป็นหนังสือที่โต้แย้งกลับมาในเรื่องความเห็นที่ไม่ตรงกันในการตีความบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ แต่เนื่องจากหนังสือฉบับนี้ลงนามโดยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตนจึงขอความชัดเจนจากประธานสภาผู้แทนราษฎรก่อนว่าหนังสือฉบับนี้ทุกถ้อยคำเป็นการใช้อำนาจของประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานสภาผู้แทนราษฎรพร้อมรับผิดรับชอบต่อข้อสงสัยทุกการตอบในหนังสือฉบับนี้ใช่หรือไม่

และสิ่งที่พวกตนอยากได้ความชัดเจน คือสิ่งที่หนังสือฉบับนี้ได้มีการตอบมาว่าคำว่า “ข้อบกพร่อง” ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรวินิจฉัยแล้วว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการชี้ข้อบกพร่องในเชิงเนื้อหา แต่ในขณะเดียวกันคำตอบของประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ระบุว่ายินดีให้แก้คำในญัตติ เนื่องจากไม่ได้กระทบสาระสำคัญในญัตติ สิ่งที่พวกตนอยากได้คำยืนยัน ว่าถ้าพวกตนยอมปรับคำตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำเสนอ พวกตนมีสิทธิเต็มที่ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ในการอภิปรายเนื้อหาตามกรอบในญัตติ โดยพวกตนจะไม่ถูกระงับโดยประธานสภาผู้แทนราษฎรใช่หรือไม่
ในส่วนของประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าตนยืนยันว่าถ้ามีการอภิปรายตามญัตติภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและข้อบังคับก็สามารถอภิปรายได้เต็มที่ ไม่มีใครขัดขวางได้ เว้นแต่อภิปรายผิดข้อบังคับก็อาจจะมีผู้โต้แย้ง ผู้เป็นประธานในที่ประชุมก็ต้องพิจารณาและให้ความเป็นธรรมอย่างตรงไปตรงมาตามข้อบังคับ ตนอยากให้การประชุมของสภาแห่งนี้ดำเนินไปด้วยดี ประชาชนทั่วประเทศก็อยากฟังการอภิปราย แต่ไม่อยากฟังการประท้วงโต้ตอบกันไปมา นี่คือสิ่งที่ตนปรารถนา คือการประชุมโดยมีเหตุมีผล ไม่มีผู้ใดคอยประท้วงให้การประชุมดำเนินไปไม่ได้
ด้านณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าตามข้อบังคับระบุไว้ชัดเจนว่าสามารถอภิปรายกล่าวถึงชื่อบุคคลภายนอกได้หากไม่ได้สร้างความเสียหาย หรือถ้าสร้างความเสียหายผู้อภิปรายเป็นผู้รับผิดชอบเอง แต่จากการให้ข่าวที่ผ่านมาของประธานสภาผู้แทนราษฎรระบุไว้อย่างชัดเจนว่าที่ไม่สามารถให้พวกตนระบุชื่อทักษิณลงไปในญัตติได้ เพราะประธานเสี่ยงที่จะเป็นคนถูกฟ้องร้องเอง ดังนั้นถ้าวันนี้พวกตนยอมปรับคำในญัตติ หมายความว่าพวกตนจะยังสามารถเดินหน้าการอภิปรายต่อ พูดชื่อบุคคลใดก็ได้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยที่พวกตนเป็นผู้รับผิดชอบเอง ประธานสภาผู้แทนราษฎรยืนยันตามหลักการนี้หรือไม่
ด้านประธานสภาผู้แทนราษฎรระบุว่าตนคิดว่าไม่ได้หมายความว่าผู้พูดจะรับผิดชอบผู้เดียวเท่านั้น ผู้เป็นประธานในที่ประชุมที่มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ถ้าไม่เป็นไปตามข้อบังคับก็จะถูกตำหนิและเดินหน้าต่อไปไม่ได้ แต่ตนก็ยินดีหากไม่เอ่ยชื่อบุคคลภายนอก ซึ่งไม่ได้หมายความถึงแค่ทักษิณเท่านั้น แต่รวมถึงบุคคลภายนอกอื่นๆ ที่ไม่สามารถดำเนินการอภิปรายได้
ตามรัฐธรมนูญมาตรา 151 ระบุชัดเจนว่าการยื่นญัตติเป็นการอภิปรายคณะรัฐมนตรีทั้งคณะหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ท่านสามารถระบุรายชื่อรัฐมนตรีทั้งคณะหรือเป็นรายบุคคลได้ แต่ถ้าในญัตติใส่ชื่อบุคคลภายนอกเข้าไปด้วย การดำเนินการประชุมก็จะเป็นไปโดยไม่เรียบร้อย แต่ระหว่างการอภิปรายบุคคลภายนอกนั้นเกี่ยวโยงอย่างไรสามารถพูดได้ บางครั้งการพูดอาจจะไม่ต้องใช้ชื่อก็ได้ โดยคนประท้วงก็ประท้วงไม่ได้
ด้านณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าสิทธิในการประท้วงเป็นของสมาชิกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พวกตนไม่อยากเห็นคือบรรยากาศในที่ประชุมที่ประธานอาจไม่ได้วางตัวเป็นกลางหรือเป็นไปตามข้อบังคับ ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรตอบกลับมาในหน้าที่ 3 เขียนไว้ชัดเจนว่า “การอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ใดที่อาจเป็นเหตุให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับความเสียหาย สมาชิกผู้นั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบผลแห่งการกระทำนั้นเอง”
ดังนั้นตนจึงอยากได้ความชัดเจนจากประธานสภาผู้แทนราษฎร แม้เราจะตีความแตกต่างกันแต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าวันนี้พวกตนยอมปรับถ้อยคำในญัตติ ตนอยากได้ความชัดเจนว่าในวันประชุมจริงประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องยึดตามข้อบังคับ ว่าการอภิปรายถึงบุคคลภายนอกกระทำได้ และพวกตนพร้อมเป็นผู้รับผิดรับชอบต่อการกระทำนั้นเองโดยประธานสภาผู้แทนราษฎรจะไม่ใช้อำนาจของประธานในการขัดขวางใช่หรือไม่
ด้านประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าตนเองก็เคยใช้ถ้อยคำแบบนี้ว่าจะรับผิดชอบเองในการเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก แต่ประธานในที่ประชุมก็บอกว่าไม่ได้ ประธานต้องรับผิดชอบในเรื่องกติกาและข้อบังคับ รักษาความเรียบร้อยในที่ประชุม ถ้าพูดไปแล้วไม่มีคนประท้วงประธานก็อาจจะปล่อยได้ แต่ถ้ามีผู้ประท้วงประธานก็ต้องวินิจฉัยข้อบังคับเลย จะให้ประธานมาสัญญาไม่ได้
ขณะเดียวกัน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ร่วมหารือโดยระบุว่าตนเข้าใจความกังวลของประธานสภาผู้แทนราษฎรดี แต่การอภิปรายถึงบุคคลภายนอกก็อาจต้องเปิดพื้นที่ให้บุคคลภายนอกให้ชี้แจงด้วย เช่นนั้นตามข้อบังคับข้อที่ 76 ตนขอเสนอแนะให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้สบายใจว่าสามารถอนุญาตให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีนำบุคคลภายนอกเข้ามาชี้แจงได้ และเพื่อความเป็นธรรมประธานสภาผู้แทนราษฎรก็อาจทำหนังสืออนุญาตให้นายกรัฐมนตรีนำบิดามานั่งชี้แจงร่วมด้วย เพื่อให้เป็นธรรมกับทั้งนายกรัฐมนตรีและบิดาของนายกรัฐมนตรีด้วย
ขณะเดียวกัน รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ร่วมหารือโดยระบุว่าเมื่อมีประเด็นเรื่องนี้ตนก็ได้ไปค้นคว้ามา แล้วก็พบว่ามีหลายครั้งที่มีการพาดพิงถึงบุคคลภายนอก กระทั่งประธานเองก็มีการเสนอญัตติที่พาดพิงถึงบริษัทเอกชน แต่ที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ที่พวกตนใส่ชื่อทักษิณก็แค่อยากทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและถูกต้อง เป็นวิถีทางที่เราอยากเห็นในการทำหน้าที่ แต่ถ้าต่อไปนี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรบอกว่าควรจะมีการถอดชื่อโดยอ้างอิงถึงความบกพร่อง เราไม่เห็นด้วยกับการใช้ดุลพินิจแบบนี้ และตนก็อยากฟังคำชี้แจงว่าจะเป็นมาตรฐานแบบนี้ต่อไปหรือไม่
ในส่วนของประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าที่บอกว่าในที่ประชุมนี้ได้อ้างชื่อบุคคลภายนอกหลายครั้ง แม้แต่ตนเองก็ได้เสนอญัตติในการตั้งกรรมาธิการศึกษาเรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูง เป็นเรื่องการตั้งกรรมาธิการซึ่งในสภาไม่ได้ห้าม และการตั้งกรรมาธิการก็เอาบุคคลภายนอกมาเป็นกรรมาธิการและเชิญบุคคลภายนอกเข้าชี้แจงได้ แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 เป็นเรื่องของสมาชิกกับรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ซึ่งต้องดำเนินไปตามกติกาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีบทเฉพาะนอกจากรัฐธรรมนูญมาตรา 151 แล้วยังมีข้อบังคับหลายข้อเป็นการเฉพาะ
ทั้งนี้ หลังการหารือดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ตกลงที่จะนำประเด็นข้อเห็นต่างไปหารือต่อในการประชุมร่วมกันเพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถบรรจุญัตติได้ โดยจะมีการพูดคุบร่วมกันในช่วงบ่ายของวันนี้