รัฐเทแสนล้านกระทุ้งเศรษฐกิจรอบใหม่ปลายปี
คลังเดินหน้าอัดฉีดเงินพร้อมสินเชื่อ 1.44 แสนล้านบาท คลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังครม.ไฟเขียวหนุนเต็มที่ช่วงปลายปี 62 เผยเฉพาะงินงบประมาณแค่ 3.5 หมื่นล้านบาท ที่เหลือมาจากแบงก์รัฐ ปล่อยมาตรการเด็ดแจกเงินดาวน์ 50,000 บาท สำหรับคนซื้อบ้าน 1 แสนหลังแรก ทั้งแบงก์ออมสินและธอส.ลุยเต็มเหนี่ยว
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง แถลงภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี 62 ว่า ประกอบด้วย 1.โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก มีทั้งหมด 3 โครงการย่อย ได้แก่โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระดับหมู่บ้าน โดยจัดสรรเงินให้ แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่รับการประเมินอยู่ในระดับ A B และ C จำนวน 71,742 แห่ง แห่งละไม่เกิน 200,000 บาท ผ่านสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) วงเงินรวม 14,348 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็กในชุมชน และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ เช่น ยุ้งฉางชุมชน โรงตากพืชผลทางการเกษตร โรงสีชุม ชน และโรงงานผลิตปุ๋ยประจำชุมชน เป็นต้น และโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย
โดย ธ.ก.ส.สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สถาบันการเงินประชาชน สถาบันการเงินชุมชนและ สหกรณ์การเกษตร อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.01% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยตามปกติของ ธ.ก.ส. ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.62 ถึง 30 พ.ย.65 รวมทั้งโครงการพักชำระหนี้ระยะเวลา 1 ปีให้แก่สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ
2.มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ผ่านโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวปีการผลิต 62/63 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร อัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท และขยายระยะเวลาการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมอนุมัติโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิต จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.62 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.63
และ 3.มาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการ “บ้านดีมีดาวน์” เพื่อเป็นการลดภาระให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยภาครัฐสนับสนุนเงินเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) จำนวน 50,000 บาทต่อราย ทั้งนี้ ผู้เข้า ร่วมมาตรการต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อปี ถ้าซื้อบ้านและธนาคารอรนุมัติเงินกู้ รัฐบาลจะจ่ายเงินให้ทันที โดยมีระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 62 – 31 มี.ค.63 ผู้สนใจลงทะเบียนผ่านเว็ตไซต์ บ้านดีมีดาวน์.com ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.เป็นต้นไป ในรูปแบบใครมาก่อนได้ก่อน
ด้านนายลวรรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมว่า รัฐบาลจะใช้เงินงบประมาณ 35,833.94 ล้านบาทในกานะกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่นี้ แบ่งเป็นงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 5,000 ล้านบาท โครงการ “บ้านดีมีดาวน์” และอีก 30,833.94 ล้านบาท โดยจะใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 และปีต่อๆ ไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย 707.7 ล้านบาท โครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 62/63 ในส่วนเพิ่มเติม 2,667.35 ล้านบาท และโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวปีการผลิต 62/63 จำนวน 27,458.89 ล้านบาท ของธนาคารเพื่อการ เกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย ครม.มอบหมายให้ ธ.ก.ส.ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป
“มาตรการทั้งหมดนี้ เมื่อรวมกับสินเชื่อต่างๆ ของธนาคารแล้ว คาดว่า จะมีเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 144,000 ล้านบาทและเมื่อรวมกับมาตรการชิม ช้อป ใช้ คาดว่า จะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ ขยายตัวได้ 2.8% ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่สูงกว่าสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% เนื่องจากขณะนี้ ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการชิม ช้อป ใช้ เริ่มเติมเงินในกระเป๋าใบที่ 2 มากขึ้น ซึ่งมียอดใช้จ่ายแล้ว 3,000 ล้านบาท จากเดิมไม่ถึง 1,000 ล้านบาท” โฆษกกระทรวงการคลังระบุ
ด้านนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผอ.ธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารฯได้เข้าร่วมโครงการอสังหาริมทรัพย์นี้ โดยออกโปรโมชั่นพิเศษ อัตราดอกเบี้ยปีแรก 0.01% ต่อปี ส่งผลให้ผู้กู้มีภาระดอกเบี้ยปีละ 100 บาท หรือเดือนละ 7-8 บาท แต่จะคิดอัตราดอกเบี้ยเดือนละ 10 บาท หรือล้านละ 10 บาท เพื่อแบ่งเบาภาระให้แก่ประชาชน หลังจากปี 2-3 อัตราดอกเบี้ยและเงินต้นจ่ายเดือนละ 3,700 บาท และตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 4.35%
ขณะที่ นายฉัตรชัย ศิริไล กก.ผจก.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส.จะเป็นหลักการจ่ายเงินให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยได้หารือกับธนาคารพาณิชย์เรียบร้อย. ละให้ส่งชื่อลูกค้าที่ผ่านการพิจารณาและรอการอนุมัติสินเชื่อให้ ธอส.ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.เป็นต้นไป เพื่อให้ผู้ซื้อบ้านที่ทำนิติกรรมเรียบร้อยแล้ว ได้รับเงิน 50,000 บาท จากมาตรการดังกล่าวเช่นกัน.