ผู้ว่าฯยสท.โต้! ฐานะยังดี ชี้! อนาคตมีกำไรแน่ๆ
ผู้ว่าการยสท. โต้ข่าว “ถังแตก!” ยันฐานะการเงินยังแกร่ง ส่วนวงเงิน OD 1.5 พันล. ที่ ครม.ไฟเขียว ไม่ใช่ “เงินกู้” แต่เป็นแผนบริหารความเสี่ยงที่บอร์ดฯอนุมัติ เผื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบุ! ปี’64 และปีต่อไป กำไรพุ่ง! เหตุเร่งจัดทัพองค์กรใหม่ พร้อมตัดทิ้งรายจ่ายส่วนเกิน
คณะรัฐมนตรีเพิ่งมีมติอนุมัติวงเงินกู้ระยะสั้น โดยวิธีกู้เบิกเงินเกินบัญชี (OD) ให้กับ การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เพื่อไว้ใช้จ่ายเมื่อมีความจำเป็น 1,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564 หลังจากนั้น…ก็มีกระแสข่าวซุบซิบทำนอง…ยสท.มีปัญหาด้านสภาพคล่อง และฐานะการเงินที่ไม่มั่นคงนัก
ล่าสุด นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการ ยสท. ยืนยันว่า ยสท. ยังเป็นองค์กรที่มีความมั่นคงแข็งแกร่งมาก ซึ่งช่วงปลายปีงบประมาณ 2563 มีเงินสดคงเหลือในบัญชี 8,500 ล้านบาท และมีกำไร 593 ล้านบาท ซึ่งผลกำไรดังกล่าว ได้หักค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสวนป่าเบญจกิติเพื่อประชาชน 260 ล้านบาท และโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (Early Retire) แล้ว มั่นใจว่าในปีงบประมาณ 2564 ผลกำไรจะเพิ่มขึ้น
“ต้องขอบคุณกระทรวงการคลังที่ได้นำเสนอเรื่องให้ ครม.ได้พิจารณาอนุมัติเงินเกินบัญชี สะท้อนว่า ยสท. เป็นองค์กรที่มีเครดิตดี เช่นเดียวกับธุรกิจชั้นนำอื่นๆ ซึ่งกรณีนี้ ผมขอยืนยันว่า ไม่ใช่การกู้เงิน แต่เป็นเพียงการดำเนินการตามแผนบริหารความเสี่ยงที่ได้รับการอนุมัติจากบอร์ดการยาสูบแห่งประเทศไทย” ผู้ว่าการ ยสท. ระบุ
พร้อมกันนี้ เขายังคาดการณ์อีกว่า ในปีงบประมาณ 2565 ยสท.อาจมีกำไรกว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากได้ดำเนินการยกระดับประสิทธิภาพทางการบริหาร การผลิต การตลาด และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการที่สำคัญคือ การติดตั้งนวัตกรรมผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) สำหรับอาคารโรงงานผลิตยาสูบ ที่ จ.อยุธยา เพื่อช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับไฟฟ้าในระยะยาว ซึ่งจะได้ลงนาม MOU กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในวันที่ 8 มีนาคมนี้
นอกจากนี้ ยสท. ยังเดินหน้ารุกสู่ธุรกิจใหม่ๆ เช่น การพัฒนาธุรกิจยาสูบไปต่างประเทศ การพัฒนารายได้จาก อสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ และธุรกิจที่สำคัญซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรของ ยสท. ในอนาคต คือ ธุรกิจสมุนไพร กัญชา กัญชง โดยมีโรงพยาบาลสวนเบญจกิติเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ของ ยสท. เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสุขภาพ
อีกทั้ง ยังมี…ศูนย์ไตเทียม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ผิวหนังและความงาม คลินิกชะลอวัยและฟื้นฟู และกำลังจะเริ่มโครงการคลินิกกัญชา พร้อมขยายการบริการไปยังข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนทั่วไป ซึ่งในเรื่องนี้ ยสท. ได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ม.มหิดล ม.เชียงใหม่ ม.ราชภัฏเชียงใหม่ ม.นเรศวร ฯลฯ
โดยในวันที่ 9 มีนาคม 2564 นี้ ยสท.จะลงนาม MOU กับ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อค้นคว้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชสมุนไพรโดยเฉพาะในกลุ่มที่มีสรรพคุณในการดูแลรักษาปอด โดยจะนำผลการวิจัยไปหารือกับองค์การเภสัชกรรม เพื่อพัฒนายาหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์กับสุขภาพต่อไป
ในส่วนธุรกิจภาคการเกษตรอื่นๆ นั้น นายภาณุพล ย้ำว่า ปัจจุบัน ยสท. ได้ดำเนินการปลูกโกโก้ ซึ่งเป็นพืชเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2562 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน โดยจะนำโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล มาใช้ในการบริหารจัดการแปลงปลูก เพื่อให้ได้ผลผลิตเชิงพาณิชย์ และยังเป็นการสร้างพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยได้เลือกพื้นที่แปลงทดลองของสถานีทดลองยาสูบแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ขนาดพื้นที่ 15 ไร่ เป็นที่ตั้งของโครงการแห่งแรก
“ขณะนี้ ยสท. ได้ปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานให้มีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขี้น โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพนักงานทุกระดับ ทุกฝ่าย จนสามารถมีกำไรอย่างต่อเนื่อง มิได้ขาดสภาพคล่องจนกระแสเงินสดติดลบ ยสท. ยังคงดำเนินกิจการด้วยความไม่ประมาท เพราะยังมีตัวแปรอีกมากมายที่จะส่งผลกระทบโดยตรงกับกิจการของ ยสท. เช่น ภาระภาษีสรรพสามิต ภาระการนำส่งเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรต่างๆ” นายภาณุพล ระบุและยืนยันว่า
ตลอดระยะเวลากว่า 80 ปีที่ผ่านมา ยสท. ได้ปฏิบัติภารกิจนี้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ในฐานะรัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศไทย และจะทำภารกิจนี้ด้วยความเสียสละ เข้มแข็ง เพื่อให้รัฐยังคงมีรายได้นำไปใช้จ่ายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมให้แก่ประชาชนคนไทยต่อไป.