ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 20-21 ม.ค.2565
อาฟเตอร์ช็อก เกิดขึ้นที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เมื่อที่ประชุมพรรควันที่ 19 ม.ค.ลงมติขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค และ ส.ส.รวม 21 คน พ้นจากความเป็นสมาชิกพรรค ส่งผลให้ ร.อ.ธรรมนัส และพวกจะต้องไปหาพรรคใหม่ อยู่ภายใน 30 วัน
เรื่องที่ 722 ว่าด้วย ร.อ.ธรรมนัส นั้น ถูกกดดันอย่างหนักหลังพรรค พปชร.แพ้การเลือกตั้งซ่อมเขต 1 ชุมพร และเขต 6 สงขลา ที่แม้ว่า ร.อ.ธรรมนัส จะไม่ใช่ผู้รับผิดชอบในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งภาคใต้ แต่การที่ ร.อ.ธรรมนัส ไปปราศรัย ให้ประชาชนคนใต้เลือกผู้ที่สมัคร พปชร.ที่รวย ชาติตระกูลดี ก็ทำให้ เพื่อนร่วมพรรคหยิบมาเป็นประเด็นโจมตี ร.อ.ธรรมนัส แบบยับเยิน
สำหรับฟางเส้นสุดท้าย ว่ากันว่า ร.อ.ธรรมนัส กดดันพรรค พปชร.ด้วยเช่นกัน โดยร้องขอตำแหน่งรัฐมนตรี และให้มีการปรับโครงสร้างพรรคใหม่ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มิอาจยอมได้ เป็นผลให้ ร.อ.ธรรมนัส ต้องใช้ไม้เด็ด ขอให้พรรค พปชร.ขับตนเองออกจากพรรค และพรรค พปชร.ก็ยอมทำตาม
เกมการเมืองนี้ดูเหมือน ร.อ.ธรรมนัส จะเป็นผู้ที่เสียเครดิต เพราะถูกพรรคขับออก แต่ไม่เลย เพราะต้องอย่าลืมว่า ร.อ.ธรรมนัส ออกไปพร้อมกับ ส.ส.อีก 20 คน รวมตนเองเป็น 21 คน
ส.ส. จำนวน 21 คน เปรียบได้กับพรรคการเมืองขนาดกลาง นั่นหมายถึงอำนาจต่อรองของ ร.อ.ธรรมนัส จะมีมากขึ้น และเมื่อไม่ได้สังกัดพรรค พปชร.แล้ว เขาย่อมจะต่อรองกับพรรค พปชร.ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเกรงใจใคร
ดังนั้น สิ่งที่จะต้องจับตาหลังจากนี้คือ เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส ย้ายไปอยู่พรรคใหม่แล้ว รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะสะเทือนอย่างไร เพราะ ร.อ.ธรรมนัส มีอำนาจต่อรองที่สูงกว่าเดิม
เรื่องที่ 723 ช่วงนี้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมต้องผลัดกันออกมากู้หน้าให้กับท่านรัฐมนตรีมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” หรือไม่ก็ไม่ทราบได้ ล่าสุดก็เป็นการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ที่ทำงานตามภารกิจออกแพคเกจดึงดูดลงทุนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในปี 2565 รวมทั้งหมด 4 นิคมฯรวด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการลดอัตราค่าเช่าและอัตราซื้อขายที่ดิน รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุน ให้เข้ามาเช่าและซื้อที่ดินในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตและการลงทุน โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมทั้งนักลงทุนรายเก่าและรายใหม่ ไว้จับตาดูพรุ่งนี้ว่าจะเป็นหน่วยงานใดที่ต้องออกโรงโชว์ผลงาน หรือท่านสุริยะ จะฉายแสงเองปิดท้ายวันทำงานของสัปดาห์
เรื่องที่ 724 ช่วงนี้ทางฝั่งพลังงานของ “พี่พงษ์” สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคงจะก้นร้อนนั่งไม่ค่อยติดเก้าอี้ เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ขึ้นเอา ขึ้นเอาไม่เกรงใจใคร ขณะที่กองทนุน้ำมันเชื้อเพลิงสถานะปัจจุบันได้ข่าวว่า มีการรายการตัวเลขเมื่อวันที่ 16 มกราคา 2565 ติดลบไปแล้วถึง 8,782 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมัน 15,340 ล้านบาท และเงินบัญชีแอลพีจีติดลบ 24,122 ล้านบาท โดยจากผลกระทบต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นจะทำให้เงินกองทุนน้ำมันไหลออกต่อเดือนกว่า 4,600 ล้านบาท จนมีข่าวว่าจะไปหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอพิจารณาลดภาษีน้ำมันดีเซล โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ก็ได้เคยเสนอลดภาษี 1-2 บาทต่อลิตร แต่ก็ได้ถูกปฏิเสธ รอบนี้ก็ยังไม่รู้ว่าท่านอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังจะยอมใจอ่อน คล้อยตามด้วยหรือไม่ คงเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ บก.ชวนคุย และประชาชนทุกคนต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด
โดย นพวัชร์