เมียนมาคุมเข้มหมากพลู
เกษตรกรผู้ปลูกต้นพลูกำลังกังวลอย่างหนักเมื่อการจำกัดการขายหมากพลูในพื้นที่สาธารณะจะกระทบกับอาชีพของเกษตรกรทั้งหมด รวมถึงประเพณีเก่าแก่อีกด้วย
การตัดสินใจในเดือนพ.ค. ที่ผ่านมาเพื่อจำกัดการขายของหมากพลูใกล้สถานที่ต่างๆ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน อาคารหน่วยงานภาครัฐ และตามสถานที่ท่องเที่ยว ส่งผลให้ลูกค้าของเกษตรกรที่ปลูกต้นพลูลดน้อยลงอย่างมาก โดยในอนาคตอาจมีผลกระทบไปถึงความเป็นอยู่ของเกษตรกรแต่ละคน
โดยการจำกัดการขายนั้นเป็นเพียงก้าวแรกของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงกีฬาในการรณรงค์ลดการใช้หมากพลู เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งช่องปาก
นายอู เอ อู เกษตรกรรายหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในเมืองหินธาดา เขตอิระวดี โดยเขากำลังตกที่นั่งลำบากจากปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เมื่อมีข่าวการจำกัดการขายออกมา เขากล่าวว่า “สำหรับแหล่งข่าวต่างๆ การจำกัดการขายนี้อาจเป็นเพียงข้อมูลที่ออกมาสำหรับการรณรงค์ แต่สำหรับผมและเหล่าเกษตรกร มันเป็นเหมือนคำถามในการเอาตัวรอดของพวกเรา ว่าเราควรทำอย่างไรต่อไป? พลูเป็นสิ่งเดียวที่ผมปลูกในการดำรงชีวิต”
เขากล่าวเสริมว่า “เราปลูกพลูมาตั้งแต่สมัยปู่ทวดของผม และทุกคนต่างเคี้ยวหมากกันมานานมากแล้ว รัฐบาลต้องการเดินหน้าต่อต้านผู้คนที่เคี้ยวหมากแล้วบ้วนลงพื้นถนนจนก่อความสกปรก แต่การจำกัดการขายไม่ใช่ทางออกของปัญหา เพราะการปลูกพลูนี่เป็นลู่ทางหากินของเราและเกษตรกรทุกคนในเมืองหินธาดาและพันตานาล”นายอู เต่ง นาย เกษตรกรผู้ปลูกพลูหาเลี้ยงครอบครัวในเมืองนองโดน กล่าวถึงร้านค้าที่วางขายหมากพลูอยู่ทั่วมุมเมืองในทุกๆ พื้นที่ของประเทศ โดยผลกระทบจากนโยบายครั้งนี้จะถือเป็น “ครั้งยิ่งใหญ่” สำหรับผู้ค้าเลยทีเดียวและรัฐบาลเองควรที่จะพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจและนำมาปรับใช้จริง
ทั้งนี้เกษตรรายอื่นๆ เชื่อว่าการประกาศจำกัดการขายครั้งนี้จะถูกเพิกเฉยและรัฐบาลจะต้องยอมฟังเสียงวิจารณ์จากประชาชน โดยนายอู หม่อง หม่อง ผู้ให้บริการรถแท็กซี่ในเมืองยานขิ่นกล่าวว่า “ไม่นานพวกเขาจะหาวิธีแก้ปัญหานี้ได้อยู่ดี”
เขาเสริมอีกว่า “เรื่องการขายหมากพลูนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ชาวเมียนมาเกือบทุกคนล้วนเคี้ยวหมากทั้งนั้นนี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว”
นายโก เมียต ธู เจ้าของแผงลอยขายหมากพลูในเมืองย่างกุ้งกล่าวว่า“รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรหากผู้ค้าขายทุกคนถูกจับ? ครอบครัวทุกครอบครัวล้วนพึ่งพาอุตสาหกรรมนี้ทั้งสิ้น รวมลูกค้าแต่ละคนอีกด้วย”
หมากพลูนั้นมักขายพร้อมกับวัตถุดิบเช่น มะนาว และยาเส้น ส่วนมากมักนำเข้ามาจากอินเดีย ผู้ขายส่วนมากไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการรณรงค์ในครั้งนี้ เพราะพวกเขาล้วนมั่นใจว่าความต้องการของหมากพลูนั้นถือว่าจะมากพอที่รัฐบาลจะเปลี่ยนใจ
ร้านค้าที่ขายหมากพลูพบได้ทั่วไปในหมู่บ้านและเมืองทั่วประเทศ โดยส่วนมากมักจะขายในร้านเล็กๆ เช่น แผงลอยหรือร้านโชห่วยซึ่งจะเจาะจงขายหมากพลูโดยเฉพาะ แต่ในบางครั้งจะมีการขายสินค้าอื่นร่วมด้วย เช่น บุหรี่และขนมขบเคี้ยว
ผู้ค้าหมากพลูและผู้รับขายใบพลูส่วนมากยังไม่ได้รับการแจ้งจากทางรัฐบาลใดๆ แต่ถ้าหากมีการประกาศเป็นทางการและมีผลบังคับใช้เมื่อไร พวกเขาก็พร้อมที่จะทำตาม
นายโก ฐาน ออง ผู้ขายหมากพลูที่ตลาดทิรี มิงกะลา กล่าวว่า “พวกเราพร้อมจะทำตามกฏหมาย แต่มันคงไม่เกิดขึ้นได้ง่ายนักเพราะลูกค้าที่ต้องการเคี้ยวหมากพลูยังมีเกินครึ่งของคนทั้งประเทศ มันจะต้องใช้เวลาแน่นอน หากเราจำเป็นต้องเลิกขายจริงๆ เราก็พร้อมจะหางานใหม่”