ปตท.ขานรับนโยบาย “สุพัฒนพงษ์” ช่วยฟื้นฟู ศก.ประเทศ
ปตท.เผยผลประกอบการครึ่งแรกปี 63 กำไร 10,499 ล้านบาท พร้อมขานรับนโยบาย สุพัฒนพงษ์ เร่งลงทุน กระตุ้นการจ้างงาน สร้างรายได้ชุมชน เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เผยผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 12,053 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 13,607 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ จำนวน 1,554 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2563
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อย ลดลงจากช่วงครึ่งแรกของปี 2562 เนื่องจากสงครามราคาน้ำมัน สภาวะอุปทานล้นตลาดของน้ำมันดิบ ประกอบกับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจเนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ ปตท. และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิในครึ่งแรกของปี 2563 เป็นจำนวน 10,499 ล้านบาท ลดลง 44,751 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 81 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 2562 ที่มีกำไร 55,250 ล้านบาท
ด้านทิศทางธุรกิจและแผนการลงทุน ปตท. ได้ปรับพอร์ตการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้พลังงานระยะยาวด้วยการขยายธุรกิจไปสู่การประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวครบวงจร เพื่อไปสู่การเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดก๊าซธรรมชาติเหลวของโลก ลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีด้านพลังงาน อาทิ ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) แพลตฟอร์มอัจฉริยะในการบริหารจัดการพลังงาน (Smart Energy Platform) และ สถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station)
ซึ่งที่ผ่านมา ปตท. ร่วมกับพันธมิตร ได้ดำเนินการในเชิงพาณิชย์ แล้ว 2 แห่ง คือ ทรู ดิจิทัล พาร์ค และ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค รวมถึงมีแผนขยายเพิ่มเติมในพื้นที่ ที่มีศักยภาพต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศ
และมุ่งเน้นการปรับวิถีการดำเนินงาน รวมทั้งพัฒนาศักยภาพบุคลากรรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยใช้หลักการ Upskill – Reskill – New skill สร้างความเข้มแข็งจากภายใน (Inside-Out) ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีควบคู่กับการปรับแนวคิด เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และจัดทีมงานสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจหลักเดิมและทีมงานที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ เสริมด้วย Outside-In เปิดกว้างทางความคิด รับเอาบริบททางสังคม เทคโนโลยี ตลาด และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงมากำหนดรูปแบบธุรกิจ และสร้างความร่วมมือกับคู่ค้าและพันธมิตรทุกภาคส่วน ทั้งรัฐวิสาหกิจ เอกชน ผู้ประกอบการไทย และ SMEs ส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศธุรกิจใหม่ (New Ecosystem) เพื่อร่วมกันส่งต่อคุณค่า สร้างมูลค่าเพิ่ม สู่มือผู้บริโภค
อีกทั้ง ปตท. ยังได้เตรียมแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจให้สังคมไทย ภายใต้แนวคิด “พลังพัฒนา เศรษฐกิจชุมชน” โดยมุ่งเน้นการสร้างหรือเพิ่มรายได้ให้ชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว ผ่าน “โครงการชุมชนยิ้มได้” ด้วยการดำเนินงานใน 3 ด้าน ประกอบด้วย การสนับสนุนช่องทางประชาสัมพันธ์ สร้างการตลาดให้สินค้าชุมชน ผ่านสื่อต่างๆ ของกลุ่ม ปตท. เช่น Facebook Line Website www.ชุมชนยิ้มได้.com เป็นต้น เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดแก่ชุมชน
นอกจากนั้น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ยังได้มีนโยบายให้ปตท.เร่งลงทุนและกระตุ้นการจ้างงานทั้งเครือ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ จึงให้ทุกหน่วยไปดูรายละเอียดว่าจะสามารถจ้างงานส่วนไหน จำนวนเท่าไหร่ จากปัจจุบันปตท.ได้ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรเปิดพื้นที่ปั๊มให้นำสินค้ามาขาย รวมทั้งสร้างแพลตฟอร์มชุมชนยิ้มได้
อย่างไรก็ดีช่วงที่เหลือของปีนี้ ปตท.จะเร่งลงทุนอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยหลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพรระบาดของโควิด-19 โดยครึ่งแรกปี 2563 ได้ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 25,000 ล้านบาท หรือประมาณ 50 % จากงบลงทุนทั้งหมด 50,000 ล้านบาท