ดัชนีผู้บริโภคสหรัฐฯ พุ่งเร็วสุดในรอบ 3 ปี
อ้างอิงจากตัวเลขล่าสุด ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 3 ปีในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมาจากราคาพลังงานที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมา
ดัชนีราคาผู้บริโภคของกรมแรงงานสหรัฐอเมริกาปรับเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ปี 2556 เป็นต้นมา
การปรับเพิ่มอย่างมีเสถียรภาพของเงินเฟ้อ อาจส่งผลกระทบให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้
โดยข้อมูลด้านอื่นๆ แสดงว่า ตัวเลขการเริ่มก่อสร้างที่อยู่อาศัยปรับเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย. ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังแข็งแกร่งขึ้น
ตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์แสดงว่า อัตราการเริ่มก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 6.6% ในเดือนเม.ย. โดยปรับเพิ่มจากตัวเลขประจำปีมาอยู่ที่ 1.17 ล้านยูนิต
ทั้งนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อของกรมแรงงานชี้ว่า ราคาพลังงานปรับเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนเม.ย.ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยตัวเลขสำคัญคือราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นถึง 8.1%
โดยเงินเฟ้อของดัชนีราคาผู้บริโภคปรับเพิ่มเป็น 1.1% ในเดือนเม.ย. จากตัวเลขเดิม 0.9% ในเดือนมี.ค. ส่งผลให้นักลงทุนที่เข้าถึงข้อมูลนี้พยายามจะทำนายว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อไร
ในเดือนธ.ค.ปี 2558 ธนาคารกลางของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรก
นับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา โดยในเวลานั้น ธนาคารกลางประกาศว่าจะต้องจับตาดูปัจจัยหลายๆอย่าง รวมทั้งเงินเฟ้อและศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อประกอบในการพิจารณาว่า สมควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อไรจึงจะเหมาะสม
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางให้ความเห็นว่า อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ แต่นักลงทุนหลายคนคาดการณ์ว่า จะมีการปรับขึ้นเพียงครั้งเดียวตอนสิ้นปี ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีการประชุมครั้งต่อไปในเดือนมิ.ย.นี้
ในขณะเดียวกัน การผลิตในอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2557 เป็นต้นมา จากปริมาณสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น
ผลลัพธ์ที่ได้จากผลผลิตโรงงานยังช่วยสนับสนุนความเห็นที่ว่า ปัจจุบัน เศรษฐกิจของสหรัฐฯ กำลังก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ.