“u-Smile101″หน่อไม้ฝรั่งผงเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย
ประเทศไทยขึ้นอยู่เรื่องทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดิน น้ำ และสภาพอากาศ ทำให้ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศเลือกที่จะทำอาชีพเกษตรกร มีการปลูกพืชสำหรับบริโภคและจำหน่ายมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ขึ้นอยู่กับสภาพของดิน รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของน้ำ และอากาศของแต่ละพื้นที่
อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ถือเป็นแหล่งปลูกผักอันดับ 1 ของประเทศ เพราะมีอากาศที่ดี ดินดี น้ำอุดมสมบูรณ์ จนสามารถกลายเป็นแหล่งเพาะปลูกผักและส่งออกไปยังต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก ธีระวัฒน์ วิไลรัตน์ ชายหนุ่มในพื้นที่ผู้คลุกคลีอยู่กับวงการปลูกพืชผักมาอย่างยาวนาน จนวันหนึ่งได้กลายเป็นผู้ปลูกผักชนิดหนึ่งที่ต่างชาตินำมาเสนอให้ทดลองปลูก และนั่นได้เปรียบเสมือนเป็นการ Startup เส้นทางในการธุรกิจ จนสามารถปลุกปั้นให้กลายเป็นแบรนด์ “ยู-สไมล์ 101” (u-Smile101) ได้ในปัจจุบัน
–เริ่มต้นธุรกิจ
ธีระวัฒน์ ในฐานะเจ้าของกิจการ บริษัท ไร่สายชล 101 จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของไอเดียในการทำธุรกิจว่า u-Smile101 คือชื่อแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่าเป็น หน่อไม้ฝรั่งผง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ตนเป็นผู้ที่อยู่ในวงการของวัสดุในการปลูกพืชผัก โดยเป็นคนอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ จนมาวันหนึ่งมีชาวต่างชาติเดินทางมาหาเพื่อขอให้ทดลองปลูกผักชนิดหนึ่งชื่อว่า “หน่อไม้ฝรั่ง” (Asparagus) พร้อมกับข้อเสนอที่จะมีการประกันราคาให้ ประกอบกับการให้องค์ความรู้ และวิธีการปลูกทั้งหมดว่าจะต้องทำอย่างไร
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเกษตรกรในประเทศไทย รวมถึงตนมีความรู้ในเรื่องของการปลูกหน่อไม้ฝรั่งน้อยมาก แม้ว่าจะไปขอความรู้จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่หนังสือเล่มขนาดใหญ่ก็มีเรื่องของหน่อไม้ฝรั่งเพียง 10 หน้าเท่านั้นที่ปรากฎอยู่
ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกหน่อไม้ฝรั่งอยู่กว่า 2,800 ไร่บนพื้นที่ของ 2 ตำบล แต่หากเป็นช่วงที่มีการปลูกกันเป็นจำนวนมากจะมีมากถึง 5,000 ไร่ โดยจะมีลูกค้าจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น จีน, ใต้หวัน, ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และยุโรป ที่รับซื้อหน่อไม้ฝรั่งทุกวัน ถึงขนาดที่ต้องมีห้องเย็นของแต่ละประเทศไว้คอยเบรกหน่อไม้ฝรั่งก่อนที่จะส่งออกไปยังประเทศปลายทาง โดยจะต้องส่งไปถึงภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อความสด และความมีคุณภาพของหน่อไม้ฝรั่ง
“ความยากของการปลูกหน่อไม้ฝรั่งจะแตกต่างจากการปลูกผักชนิดอื่น ซึ่งหากเป็นการปลูกผักอะไรก็ตาม หลังจากที่หว่านเมล็ดไปแล้วจะได้ผลลัพธ์ที่แน่นอนว่าจะเป็นอะไร แต่หนอไม้ฝรั่งนั้นไม่ใช่ เพราะปลูกแล้วจะต้องคอยมาลุ้นว่าหน่อจะแทงออกมาหรือไม่ ดังนั้น องค์ความรู้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการใส่ปุ๋ย หรือวิธีในการดูแล เราทำจนมีความชำนาญ จนกลายเป็นแหล่งที่ใหญ่ที่สุดในการส่งออกหน่อไม้ฝรั่งไปยังต่างประเทศ”
–พลิกวิกฤติเป็นโอกาส
อย่างไรก็ตาม เมื่อหน่อไม้ฝรั่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกที่ได้ราคาดี ทำให้เกิดกระบวนการที่เรียกว่าตัดหัวคิวจากพ่อค้าคนกลางในภาวะที่ราคาดีดตัวสูงขึ้น เกษตรกรก็หันไปส่งผลิตภัณฑ์ให้จนไม่พอที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศเหมือนที่ผ่านมา หรือส่งออกไปก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ จนทำให้ต่างชาติเริ่มเอือมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โอกาสที่ดีก็หายไป เมื่อราคาเริ่มแกว่ง ปริมาณของหน่อไมฝรั่งมีมากเกินความต้องการของตลาด ราคาก็ดิ่งลง
เมื่อสถานการณ์เป็นไปในรูปแบบดังกล่าวจึงเริ่มมีเกษตรกรเข้ามาสอบถามว่าเหตุใดตนจึงไม่รับซื้อหน่อไม้ฝรั่งบ้าง เหตุใดจึงปล่อยให้ต่างประเทศซื้อเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ตนจึงต้องมาหาวิธีว่าเมื่อซื้อมาแล้วจะนำหน่อไม้ฝรั่งไปทำอะไร ทำทุกวิธีที่พอจะคิดได้ จนมาถึงการอบแห้ง ซึ่งไม่ว่าจะอบอย่างไรหน่อไม้ฝรั่งก็ไม่กรอบเพราะเป็นผักที่มีเส้นใยเยอะ และเหนียว ตนจึงทดลงอนำไปปั่นแล้วนำมาชงดื่มเหมือนกับชาเขียว เพราะกลิ่นมีความคล้ายกันอย่างมาก
หลังจากนั้นตนจึงเริ่มค้นหาสรรพคุณของหน่อไม้ฝรั่งว่าเป็นอย่างไร เหตุใดจึงทำให้มีราคาที่สูง และได้รับความนิยม ทำให้พบว่าหน่อไม้คือสุดยอดของอาหาร หรือซุบเปอร์ฟู้ด รวมถึงเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ มีสารอาหารหลากหลายชนิด เช่น เป็นแหล่งรวมของวิตามินเค วิตามินบี โฟเลต กลูต้าไธโอน และวิตามินซี อีกทั้งยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุ เช่น สังกะสี ทองแดง ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม และเซเลเนียม นอกจากนั้นยังไม่มีไขมัน และโคเลสเตอรอล เป็นต้น เป็นที่ต้องการของกลุ่มคนที่ออกกำลังกายมาก
-รายแรกและรายเดียวในไทย
ธีระวัฒน์ บอกอีกว่า เมื่อมองเห็นโอกาสจึงไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการทำชาเขียวจนได้เทคโนโลยีเรื่องของการบดมาปรับใช้กับหน่อไม้ฝรั่ง ซึ่งทำให้สามารถรับประทานได้ทั้งหน่อเข้าไปสู่ร่างกาย และยิ่งมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้รับข้อมูลจากสมาคมนักเรียนญี่ปุ่นว่า ที่ญี่ปุ่นก็มีการนำหน่อไม้ฝรั่งมาแปรรูป เพื่อเป็นอาหารบำรุงร่างกาย โดยที่ผ่านมาบริษัทก็ได้ทำจำหน่ายออกมาแล้ว 1 รอบภายใต้แบรนด์ “u-Smile101” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภค ทั้งกลุ่มคนทำงานที่ซื้อไปให้กับผู้สูงอายุ หรือกลุ่มผู้สูงอายุซื้อรับประทานเอง และกลุ่มนักปั่นจักรยานที่มาขอซื้อ เพราะเป็นอาหารที่สร้างกล้ามเนื้อ
กระแสตอบรับที่ดีทำให้บริษัทยิ่งมั่นใจในผลิตภัณฑ์ และกำลังดำเนินการเรื่องการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้รับประทานง่ายมากยิ่งขึ้น โดยจะทำออกมาในรูปแบบของซองพร้อมชงที่เป็นผงสามารถรับประทานได้แม้จะชงกับน้ำเย็น โดยเราจะใช้ทั้งต้นไม่มีการสกัดออกมาบด ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมจะพร้อมออกวางจำหน่าย
ส่วนช่องทางการจำหน่ายจะมุ่งเน้นไปที่การตลาดในรูปแบบออนไลน์ในในส่วนของเพจเฟสบุ๊ก, เว็บไซด์ที่มี 3 ภาษา ทั้งญี่ปุ่น อังกฤษ ไทย และไลน์แอด (Line@) เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่นิยมซื้อสินค้าผ่านทางช่องทางดังกล่าวนี้ โดยมองว่าเมื่อออนไลน์ประสบความสำเร็จก็จะสามารถนำผลิตภัณฑ์ไปวางจำหน่ายบนชั้นจำหน่ายสินค้าในรูปแบบออฟไลน์ได้เอง
ขณะที่ช่องทางออฟไลน์จะเน้นขายแบบบรรจุในแพคเป็นกิโลกรัม เพื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจนำไปทำเป็นแบรนด์ของตนเอง โดยนำไปผสมกับอาหารประเภทเวย์โปรตีน ซึ่งเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก โดยหน่อไม้ฝรั่งผงแบรนด์ “u-Smile101” ถือเป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศไทย และเป็นรายที่ 3 ของโลกที่ผลิตขึ้น ล่าสุดก็มีแพทย์จากโรงพยาบาลสนใจในตัวผลิตภัณฑ์ และต้องการนำไปจำหน่าย รอเพียงแค่ใบรับรองเรื่องความปลอดภัยเท่านั้น
“ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีเดเวลลอปเม้นท์แบงก์ (SME Development Bank) มีส่วนช่วยธุรกิจของบริษัทตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ โดยมองว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสทางการตลาด จึงให้การสนับสนุนในเรื่องของสภาพคล่องในการนำมาซื้อเครื่องจักร และการให้ตำแนะนำในเรื่องของช่องทางการทำตลาด และการบริหารต้นทุน”.