เบี้ยประกันชีวิตรับรวม โต 6 %
นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า เบี้ยประกันชีวิตรับรวม ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2559 มีทั้งสิ้น 278,598.10 ล้านบาท
อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 6% จำแนกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่จำนวน 80,701.03 ล้านบาท อัตราการเติบโตลดลง 1.91% และเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปจำนวน 197,897.07 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 9.60% อัตราความคงอยู่ 83%
โดยเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ จะประกอบด้วย 1.เบี้ยประกันชีวิตปีแรก มีจำนวน 57,352.50 ล้านบาท อัตราการเติบโตลดลง 0.14% 2.เบี้ยประกันชีวิตจ่ายครั้งเดียว จำนวน 23,348.53 ล้านบาท อัตราการเติบโตลดลง 6.02%
ในการพิจารณาข้อมูลสถิติของธุรกิจประกันชีวิต สมาคมจะพิจารณาแยกเป็น 2 กรณี คือ ประการแรกจะพิจารณาถึงขนาดของบริษัท และประการที่สอง จะพิจารณาถึงการขยายงานของบริษัท จากสถิติเบี้ยประกันชีวิตรับ เดือนเม.ย.ของปี 2559 ซึ่งสมาคมประกันชีวิตไทยได้รวบรวมจากบริษัทประกันชีวิตทุกบริษัท มีดังนี้
1.เบี้ยประกันชีวิตรับรวม เดือนมิ.ย. 2559 มีทั้งสิ้น 278,598.10 ล้านบาท โดยบริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมสูงสุด หรือมีขนาดใหญ่สูงสุด 7 อันดับแรก คือ
อันดับที่ 1 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 55,488.39 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 19.92%
อันดับที่ 2 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 51,782.96 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 18.59%
อันดับที่ 3 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 36,988.04 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 13.28%
อันดับที่ 4 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 29,392.11 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 10.55%
อันดับที่ 5 บมจ.กรุงไทย แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวน 28,725.03 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 10.31%
อันดับที่ 6 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 21,042.30 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 7.55%
อันดับที่ 7 บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำนวน 14,802.81 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 5.31%
รวม 7 อันดับแรก ครองสัดส่วนการตลาดร้อยละ 85.51 และอีก 15 บริษัทที่เหลือครองสัดส่วนการตลาด 14.49%
2.เบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ เดือนมิ.ย. 2559 มีทั้งสิ้น 80,701.03 ล้านบาท โดยบริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่สูงสุด หรือมีการขยายงานสูงสุด 7 อันดับแรก คือ
อันดับที่ 1 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 18,447.33 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 22.86%
อันดับที่ 2 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 11,686.03 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 14.48%
อันดับที่ 3 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 10,086.36 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 12.50%
อันดับที่ 4 บมจ.กรุงไทย แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวน 8,240.50 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 10.21%
อันดับที่ 5 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 7,493.52 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 9.29%
อันดับที่ 6 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 4,417.41 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 5.47%
อันดับที่ 7 บมจ.พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำนวน 3,821.97 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 4.74%
นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปที่มีจำนวน 197,897.07 ล้านบาท โดยมีอัตราความคงอยู่ 83% ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แสดงให้เห็นถึงผู้เอาประกันชีวิตเห็นความสำคัญของการประกันชีวิตเป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัทประกันชีวิตแต่ละบริษัทได้มีการพัฒนาแบบของผลิตภัณฑ์ออกมาแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง
จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด ส่งผลให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างมั่นคง สมาคมจึงขอให้ผู้เอาประกันชีวิตที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่แล้ว ชำระเบี้ยประกันชีวิตตามกำหนดเวลาจนกระทั่งครบสัญญา ไม่ยกเลิกการชำระเบี้ยประกันชีวิตก่อนเวลาที่สัญญากำหนด
มิฉะนั้นจะทำให้เกิดผลเสีย คือ ผู้เอาประกันชีวิตจะได้รับเงินคืนน้อยกว่าเบี้ยประกันชีวิตที่ได้จ่ายไป และหากจะทำสัญญาประกันชีวิตฉบับใหม่จะต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิตแพงขึ้น เพราะการทำประกันชีวิตนั้น ถ้าผู้เอาประกันชีวิตมีอายุสูงขึ้นในวันทำสัญญาจะต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิตแพงขึ้นกว่าเดิม.