สหรัฐฯ จะชนะสงครามการค้ากับจีน
หนึ่งในที่ปรึกษาที่ใกล้ชิดที่สุดของนายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีว่า สหรัฐฯ จะชนะสงครามการค้ากับจีน
โดยนายแอนโธนี สการามุชชิ เตือนว่า ถ้าจีนเลือกที่จะตอบโต้นโยบายการบริหารประเทศของนายทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้า อาจทำให้จีนเสียหายมากกว่าสหรัฐฯ
เขากล่าวเสริมว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าในปัจจุบันเอื้อประโยชน์ให้แก่จีนมากกว่าสหรัฐฯ
ทั้งนี้ นายสการามุชชิแสดงความเห็นของเขาหลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเตือนว่า ไม่มีใครที่จะเป็นผู้ชนะในสงครามการค้า
โดยนายสการามุชชิ อดีตผู้บริหารของ Goldman Sachs ซึ่งใช้เวลาทำงานในวอลล์สตรีทมานานกว่า 3 ทศวรรษยืนยันว่า นายทรัมป์เป็นผู้สนับสนุนการค้าเสรี และนโยบายของเขาซึ่งรวมถึงการเจรจาใหม่ในข้อตกลงการค้าที่มีมานาน ไม่ใช่การกีดกันทางการค้า
“ ถ้าคุณกำลังขาดดุลการค้า 800,000 – 900,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บางอย่างอยู่บนพื้นฐานของดีมานด์ แต่บางอย่างก็เป็นระบบที่สัมพันธ์กับดีลการค้า มีความไม่ยุติธรรมอยู่ในระบบ ซึ่งส่งผลต่อรายได้ของครอบครัวผู้ใช้แรงงานและชนชั้นกลางที่คุณทรัมป์ให้ความสำคัญ ” เขากล่าว
การไปปรากฎตัวครั้งแรกของผู้นำจีนในการประชุม World Economic Forum เขาได้กล่าวสุนทรพจน์เพื่อปกป้องโลกาภิวัตน์และโจมตีการกีดกันทางการค้า
“ การกีดกันทางการค้าเปรียบเหมือนการขังตัวเองในห้องมืด ขณะที่มีลมและฝนอยู่ภายนอก แต่ก็มีแสงสว่างและอากาศด้วย ไม่มีใครจะชนะในสงครามการค้า จีนจะยังคงเปิดประตูกว้าง และจะไม่ปิดประตูอย่างแน่นอน ”
โดยนายสการามุชชิ ซึ่งจะเข้าทำงานในทำเนียบขาวในวันที่ 20 ม.ค.นี้ในตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดี เรียกความสัมพันธ์ที่มีกับจีนว่า ไม่สมมาตร และเขายังสบประมาทความสามารถของจีนที่จะตอบโต้สหรัฐฯ
นอกจากนี้ หนึ่งในข้อตกลงทางการค้าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ประณามซ้ำแล้วซ้ำอีกคือ Nafta ซึ่งเชื่อมโยงแคนาดา เม็กซิโก และสหรัฐฯ เข้าด้วยกัน
โดยข้อตกลงนี้ ซึ่งนายทรัมป์เรียกว่า ดีลการค้าที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่สหรัฐฯ เคยทำมา เนื่องจากทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายย้ายโรงงานผลิตรถยนต์ไปเม็กซิโก
ทั้งนี้ นายสการามุชชิให้ความเห็นกับการทำข้อตกลงการค้านี้ว่า “ เราลงนามในข้อตกลง Nafta ในปี 2536 และใน 24 ปีต่อมา สหรัฐฯ ก็สูญเสียโรงงานไปกว่า 70,000 แห่ง และทุก 2 ปีสหรัฐฯไม่เคยทบทวนและพิจารณาผลกระทบจากข้อตกลงนี้เลย ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรที่จะทำให้ข้อตกลงเกิดความสมดุลและมีศักยภาพในการสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น ดังนั้น เราจึงควรทบทวนในประเด็นนี้ และผมคิดว่าเราทำแน่ ”