KJL เป้าใหม่ 12.40 บาท อัพไซส์กว้าง 27%
KJL เป้าใหม่ 12.40 บาท อัพไซส์กว้าง 27% ขยายกำลังผลิตหนุนกำไร New High ถึงปี 69
”บล.หยวนต้า” ปรับเป้าใหม่ KJL ที่ 12.40 บาทจากเดิม 10.50 บาท อัพไซส์เปิดกว้างกว่า 27% เดินหน้าขยายกำลังผลิตสู่ 40 ล้านชิ้นต่อปี โดตามอสังหาฯ โรงแรม โรงพยาบาล โรงไฟฟ้า และ Data center หนุนกำไร New High ต่อเนื่องถึงปี 69
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์หลัทรัพย์ของบริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL วันที่ 31 สิงหาคม โดยบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ปรับราคาเป้าหมายใหม่หุ้น KJL ที่ 12.40 บาทเพิ่มจากราคาเป้าหมายเดิมที่ 10.50 บาท คิดเป็นอัพไซส์กว่า 27%
ทั้งนี้บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัดคาดกำไรทำจุดสูงสุดใหม่ หรือ New high ถึง 4Q66 เป็นอย่างน้อย ตามแผนการเพิ่มกำลังการผลิตหลังการ IPO ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิต 50% เป็น 30 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2566 ปัจจุบันการขยายกำลังการผลิตทำได้ดีกว่าแผน โดยเดือน ก.ค. สามารถขยายกำลังการผลิตไปแล้ว 27 ล้านชิ้นต่อปี ขณะที่การใช้อัตรากำลังการผลิตยังทรงตัวสูงที่ 70 – 75% และยังต้องมีการทำงานล่วงเวลาในบางช่วง สะท้อนถึงปริมาณความต้องการของลูกค้ายังสูง แม้ว่าปริมาณงานในตลาดลดลงตามภาวะตลาดที่ขาดแรงกระตุ้นจากรัฐบาล ประกอบกับเริ่มเข้าสู่ High season ในเดือน ก.ย. คาดกำไรของ KJL จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 42 ลบ.+/- ใน 3Q66 และ High season ยังต่อเนื่องถึงเดือน ต.ค. และพ.ย. และคาดว่างานของลูกค้าจะเริ่มมากขึ้นทั้งภาครัฐฯ และเอกชน หลังจากที่ได้รัฐบาลใหม่ และมีการกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน คาดกำไรสุทธิทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 45 ลบ.+/- หากเป็นไปตามคาดจะทำให้ประมาณการกำไรปี 2566 มี Upside risk ราว 7%
ในขณะเดียวันบริษัทเน้นที่คุณภาพของสินค้ามากกว่าการแข่งขันด้านราคา มีกำลังการผลิตสูงที่สุดในตลาดตู้ไฟ และรางไฟ ทำให้ราคาสูงกว่าสินค้าคุณภาพต่ำในท้องตลาดไม่มาก แต่คุณภาพต่างกว่ามาก อีกทั้งมีจุดแข็งที่มีสต๊อกสินค้าที่สามารถส่งให้ได้ภายในครึ่งถึง 1 วันซึ่งเป็น Pain point หลักของผู้รับเหมาที่มักจะเร่งงานในช่วงปลายระยะเวลาโครงการซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานระบบ ทำให้ผู้รับเหมาเน้นสินค้าที่สามารถสั่งแล้วได้ของเลยมากกว่าด้านราคา จุดแข็งนี้ทำให้มี Barrier ในการเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ยาก และการนำเข้าสินค้าราคาต่ำจากจีนทำได้ยาก เพราะต้องใช้เวลาในการขนส่ง ค่าขนส่งมีราคาสูงเพราะมีน้ำหนักมาก และต้องมีสต๊อกสินค้าจำนวนมากจึงจะตอบสนองความต้องการด้านเวลาของลูกค้าได้ ปัจจุบัน KJL ขยาย Awareness ไปยังกลุ่มผู้รับเหมารายย่อย และช่างไฟ ให้รู้จักแบรนด์ และเข้าใจในคุณภาพความแตกต่าง เพื่อให้เลือก KJL เป็นอันดับแรกเมื่อซื้อตู้ไฟ รางไฟ ผ่านการสร้างเครือข่ายสมาชิกทั่วประเทศ วางแผนเพิ่มเครือข่าย 5,000 รายในปี 2566 และเป็น 15,000 รายในปี 2568 จะช่วยสร้างยอดขายให้บริษัทได้ในอนาคต คาดกำไรปี 2567 เติบโตต่ออีก 18% YoY เป็น 177 ลบ. จากการขยายกำลังการผลิตในปี 2566 ส่งผลเต็มปี
รวมถึงบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตต่อในปี 2568 จาก 30 ล้านชิ้นต่อปีในปี 2566 เป็น 40 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2568 และการขยายกำลังการผลิตทั้งหมดจะเห็นผลเต็มปีในปี 2569 ทำให้คาดว่ากำไรของ KJL จะสามารถทำระดับสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องถึงปี 2569 แม้ว่าตลาดอาจไม่เติบโตแต่เครือข่ายที่สร้างตั้งแต่ปี 2566 จะหนุนรายได้เติบโตได้แม้ในตลาดมูลค่าเท่าเดิม แต่เราประเมินว่าการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน Data center และโรงไฟฟ้า ในประเทศไทยน่าจะกลับมาเติบโตได้ในอัตราเร่งหลังได้รัฐบาลใหม่ ซึ่งจะเป็น Upside risk ต่อประมาณการในช่วง 2 – 3 ปีข้างหน้าเช่นกัน
ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PER66-67 ต่ำเพียง 15.1 เท่าและ 12.8 เท่าตามลำดับ อิง PER ที่ 16.3 เท่า (รวมPremium 2% จาก Yuanta ESG Rating) และปรับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ได้ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 12.40 บาท มี Upside gain 27.2% คงคำแนะนำซื้อ