ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 19-20 เม.ย.2566
พรรคพลังประชารัฐ เตรียมเปิดตัวยุทธศาสตร์การเลือกตั้งล็อตใหญ่
เรื่องที่ 1,999 เน้นก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืนโดยหนึ่งในไฮไลท์ของพรรคพลังประชารัฐ คือการโชว์ “ดรีมทีมเศรษฐกิจ” มีทั้งที่เป็นรัฐมนตรีในปัจจุบัน อดีตรัฐมนตรี และอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์รมช.คลังนายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลังและอดีตรมว.อุตสาหกรรม นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตผู้ช่วย รมว.คลัง ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน และตนที่เป็นอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง
“ดรีมทีมเศรษฐกิจ” พรรรคพลังประชารัฐ จะประกาศนโยบายเศรษฐกิจพลิกโฉประเทศไทย 360 องศา เน้นตอบโจทย์เชิงบริหารเศรษฐกิจ สามารถเดินหน้าบริหารประเทศได้ทันที โดยไม่สะดุด หรือเกิดรอยต่อระหว่างเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า การรวมตัวกันของ “มือบริหารระดับอาชีพ” ไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่เกิดจากบารมีของ พล.อ.ประวิตร ทั้งสิ้น เพราะเป็นการดึงเอามือเศรษฐกิจระดับประเทศ ล้วนเป็นผู้ที่มากความสามารถ มากประสบการณ์ เป็นที่รู้จักในฝีไม้ลายมือเป็นอย่างดีในแวดวงเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งให้การยอมรับว่าเป็นตัวจริงเรื่องเศรษฐกิจทุกระดับ
เรื่องที่ 2,000 ตีคู่กันมาเลยกับโควิด-19 ก็ต้อง PM2.5 ซึ่งสร้างปัญหาให้่กับการใช้ชีวิตของคนทั่วโลก และประชาชนในประเทศไทย แต่ไม่เป็นไรมีปัญหาก็ต้องค่อยๆแก้ไขกันไป ล่าสุดการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่นำโดยพี่สิงห์ “บุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร” ท่านผู้ว่าการฯ ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมสร้างอากาศบริสุทธิ์ในรูปแบบ หอฟอกอากาศที่สามารถดักจับ PM2.5 ได้มากกว่า 80%
โดยเวลานี้ยังเป็นเพียงต้นแบบที่เริ่มนำมาติดตั้งวัดประสิทธิผลที่ กฟผ. หลังจากนั้นเมื่อเจ้าหอฟอกอากาศนี้ทำงานได้ดี ก็จะขยายผลการติดตั้งไปในพื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งมีปริมาณฝุ่นในอากาศเข้มข้น และเกิดปัญหามลพิษทางอากาศต่อเนื่องมาหลายปี งานนี้ต้องปรับมือรัวๆดังๆให้กับ กฟผ. เลยนะขอรับที่นึกถึงประชาชนคนไทยอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่เก็บค่าไฟอย่างเดียว (อันนี้แซวเล่นขำๆนะขอรับ)
เศรษฐกิจประเทศไทยน่าจะฟื้นตัวแล้วนะในปัจจุบัน หากดูจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมีนาคมที่สภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.) ซึ่งพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ10 ปี นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2556 และปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้ว โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
ยกเว้นต้นทุนประกอบการซึ่งเข้าใจกันได้เลยว่ามาจากค่าไฟ และราคาพลังงานแสนโหดในประเทศไทย แต่วันนี้คนแถลงไม่ใช่พี่ไก่ “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธาน ส.อ.ท. ดั่งเดิม ภาพเลยดูไม่คุ้นตา พี่ๆน้องๆสื่อมวลชนคิดถึงก้ได้แต่บ่นว่าคิดถึงพี่ไก่กันถ้วนหน้า แถลงรอบหน้าคงได้เจอหน้าเจอตากันนะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 2,001 ไม่น่าเชื่อแต่ในท้ายที่สุด ใครไม่ดีกับจีน โปรดพิจารณาข่าวนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่าล่าสุด เศรษฐีฮ่องกงตามหลังคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ในการจัดอันดับเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยตกลงมาอยู่อันดับที่ 7 ตามหลังสิงคโปร์อยู่ 2 อันดับ จากที่เคยได้อันดับ 4 เมื่อปี 2555ทั้งนี้ จำนวนเศรษฐีในฮ่องกงลดลง 27% เหลือ 129,500 คนในช่วงปี 2555 – 2565 ขณะที่ สิงคโปร์มีเศรษฐีเพิ่มขึ้น 40% สู่ระดับ 240,100 คน จากข้อมูลการจัดอันดับของเฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส (Henley & Partners) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อการย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ ร่วมกับนิว เวิลด์ เวลธ์ (New World Wealth) ซึ่งเป็นบริษัทข้อมูลความมั่งคั่งระดับโลกในช่วงที่ผ่านมา ทางการที่จีนพยายามควบคุมฮ่องกงอยู่ในกำมือ เป็นตัวผลักดันให้กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งและการลงทุนจำนวนมากในบริษัทต่างๆ หลั่งไหลออกจากฮ่องกงไปยังศูนย์กลางทางการเงินแห่งอื่นๆ ในขณะที่บริษัทด้านการลงทุนของอภิมหาเศรษฐีในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ในช่วงระหว่างปี 2564 และ 2563 ส่วนที่ไทยนั้น ไม่ต้องพูดถึง ณ วันนี้ ยังเถียงกันไม่จบเลยว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท จ่ายจริงหรือหรอก!! 555
เรื่องที่ 2,002 “บิ๊กตู่” รู้คงปวดใจ เนื่องจาก รมว.คลัง “อาคม ไตรพิทยาไพสิฐ” นอกจากจะออนทัวร์ต่างประเทศแล้ว ก็ไม่ทำอะไรเลย ช่วงนี้ เปิดโอกาสให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ “รดน้ำดำหัว” ในเทศกาลสงกรานต์แม้จะผ่านพ้นไปแล้วหลายวัน หรือเพราะใกล้ช่วงเลือกตั้ง จึงขอตั้งลำ ไม่ทำ ไม่ขยับอะไร กลัวหาว่า “ลำเอียง” !! หรือเปล่าครับ
เรื่องที่ 2,003 เหยี่ยวข่าวรายงาน ขณะนี้ ตึกใหม่ธนาคารออมสิน สีชมพู!! สวยงามที่สุดในสะพานควาย มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท ใกล้เสร็จแล้วและคาดว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้ จะสามารถเปิดให้ชมตัวอย่างได้อย่างแน่นอน ก่อนจะเผยโฉมตึกใหม่อย่างเป็นทางการในช่วงเวลาต่อไป จึงไม่ใช่ตึกร้าง หรืออนุสรณ์สถานอย่างที่หลายคนคิด ส่วนสาเหตุที่ล่าช้า ขอยืนยันไม่ได้เกิดจาก “เต๋-วิทัย รัตนากร” ผอ.ออมสิน แต่มาจากโควิด 19 ในช่วง3 ปีที่ผ่านมา ทำให้งานก่อสร้างไม่เดินหน้า แต่ ณ วันนี้ ทุกอย่างพร้อมตึกใหม่ก็พร้อมครับผม!!
โดยนพวัชร์