ราคาบ้านออสเตรเลียต่ำสุดใน 10 ปี
ราคาบ้านในออสเตรเลียร่วงลงมาเกือบ 5% ในปี 2561 ทำให้เป็นปีที่ซบเซาที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ปัจจัยสำคัญคือเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น และความสนใจของนักลงทุนลดลง โดยนักวิเคราะห์คาดว่าความซบเซานี้จะมีผลต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้
มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศดิ่งร่วงต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 15 ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา โดยอัตราราคาบ้านลดลงในเมืองซิดนีย์และเมลเบิร์น ซึ่งเป็นสองตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อ้างอิงจากที่ปรึกษาอสังหาฯ CoreLogic
ดัชนีราคาบ้านของประเทศออสเตรเลียปรับลดลง 1.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. และดิ่งร่วงลงไปอีกในไตรมาสสุดท้าย ถือเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 8 ปี
มูลค่าอสังหาฯรวมกันในหลายเมืองใหญ่ลดลง 1.3% ในเดือนธ.ค. และ 6.1% ในปีนี้ โดยนครซิดนีย์มีผลประกอบการแย่ที่สุดกว่าทุกเมืองคือปรับลดลง 1.8% ในเดือนธ.ค. ขณะที่ราคาอสังหาฯ นอกเมืองใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
“ การเข้าถึงสินเชื่อเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ฉุดตลาดที่อยู่อาศัยให้ดิ่งลงในปีที่ผ่านมา ” Tim Lawless หัวหน้าฝ่ายวิจัยประจำ CoreLogic ระบุ
ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา หน่วยงานที่กำกับดูแลพยายามควบคุมความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร โดยเฉพาะในส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ ขณะที่ข่าวฉาวเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐบาลในระดับสูงยิ่งเพิ่มความเข้มงวดกวดขันมากยิ่งขึ้น
ในปี 2561 หน่วยงานกำกับดูแลของออสเตรเลียได้ผ่อนคลายกฎระเบียบในการปล่อยสินเชื่อลงบ้าง แต่ Lawless กล่าวว่า การเข้าถึงด้านการเงินมีแนวโน้มจะเป็น “ อุปสรรคสำคัญที่สุด” ในการปรับปรุงสภาวะตลาดอสังหาฯ ในปีนี้
“ ผู้ปล่อยสินเชื่อมีความเสี่ยงที่เข้าใจได้จากมูลค่าที่ลดลง หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ซัพพลายในตลาดที่เพิ่มขึ้น และการมุ่งปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของคณะกรรมการธนาคาร ” เขากล่าว
ทั้งนี้ ในซิดนีย์ ตลาดอสังหาฯชะลอตัวลงมากที่สุดเนื่องจากราคาบ้านลดฮวบลงเกือบ 9% ในปีที่แล้ว ขณะที่ในเมลเบิร์น ราคาบ้านลดลงในอัตรา 7% ต่อปี
มูลค่าบ้านของซิดนีย์และเมลเบิร์นรวมกันคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของตลาดที่อยู่อาศัยทั้งหมดในออสเตรเลีย และคิดเป็น 40% ในแง่ของจำนวน
สภาพตลาดการให้เช่าที่อยู่อาศัยก็มีภาวะซบเซาโดยทั่วไปเช่นกัน โดยราคาเช่าต่อสัปดาห์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในหลายเมืองใหญ่ของออสเตรเลียในปีที่ผ่านมา.