บ.ญี่ปุ่นจับตานโยบายทรัมป์หลังเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 7 พ.ย.บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังคงเฝ้าระวังจับตาเกี่ยวกับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ หลังทราบผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ โดยมองว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
“ ผมประเมินว่า ผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะมีเพียงเล็กน้อย ” อาคิโอะ มิมูระ ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่นกล่าวในการแถลงข่าว โดยทำนายว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ แม้การเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อวันที่ 6 พ.ย.จะทำให้สภาคองเกรสของสหรัฐฯ แบ่งแยกและพรรครีพับลิกันไม่ได้ครองเสียงข้างมากทั้งสองสภาอีกต่อไป
“ แคมเปญการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้เน้นที่ปัญหานโยบายในประเทศสหรัฐฯเอง เช่น นโยบายการอพยพเข้าเมือง ขณะที่การค้าและประเด็นทางการทูตอื่นๆไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาให้ความสำคัญนัก ” มิมูระกล่าว
ธุรกิจในประเทศยังคงติดหล่มอยู่ในมาตรการกำแพงภาษีของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่ทำให้ราคารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์มีราคาสูงขึ้น และญี่ปุ่นยังคงจับตามองอย่างใกล้ชิดกับความขัดแย้งทางการค้าที่ยกระดับขึ้นระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งที่ส่งผลกับเศรษฐกิจโลก
“ ผมกังวลว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัว” ตัวแทนบริษัทอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่กล่าว ขณะที่แสดงความหวังว่า การที่พรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯอาจส่งผลทำให้นโยบายการค้า “America First” ของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์อาจอ่อนแรงลง ไม่แข็งกร้าวเหมือนที่ผ่านมา
แต่ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารรายใหญ่แห่งหนึ่งให้ความเห็นว่า “ จะไม่มีความเปลี่ยนแปลงในทิศทางนโยบายโดยรวม เนื่องจากคุณทรัมป์จะทำอะไรก็ตามที่เขาอยากทำด้วยคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี ”
บางบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนการดำเนินการของบริษัทไปแล้วเพื่อขานรับกับการเน้นย้ำของผู้นำสหรัฐฯ ในการกระตุ้นการลงทุน และสร้างงานในสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ก็แสดงท่าทีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีความไม่สอดคล้องกันในนโยบายของประธานาธิบดี จากความแตกแยกในสภาคองเกรสที่มีมากขึ้น
“ ผมหวังว่า กฎระเบียบทางการค้าจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดจากผลกระทบทางการเมืองในสหรัฐฯ ” ผู้บริหารบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายหนึ่งให้ความเห็น.