สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 20 ต.ค. 65
ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมทะเลอันดามันตอนกลาง ในขณะที่ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
พายุโซนร้อน “เนสารท” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน
มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 230 กิโลเมตรทางตะวันออกของเมืองดองฮอย ประเทศเวียดนาม กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก พายุนี้มีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านตอนใต้ของเกาะไหหลำและเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 20-21 ต.ค. 65 จากนั้นจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว โดยประเทศไทยตอนบนมีฝนเล็กน้อยบางแห่งเกิดขึ้นได้
ปริมาณฝน 24 ชั่วโมง สูงสุดที่ จ.กระบี่ (174) จ.ประจวบคีรีขันธ์ (63) จ.สุพรรณบุรี (14)
ปริมาณน้ำ แหล่งน้ำทุกขนาด 67,930 ล้าน ลบ.ม. (83%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 60,024 ล้าน ลบ.ม. (84%) เฝ้าระวังน้ำต่ำกว่าเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ จำนวน 1 แห่ง บริเวณภาคเหนือ เฝ้าระวังน้ำสูงกว่าเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ จำนวน 19 แห่ง ได้แก่ แม่งัด กิ่วลม กิ่วคอหมา แม่จาง แม่มอก แควน้อย ทับเสลา กระเสียว ป่าสัก ห้วยหลวง อุบลรัตน์ ลำตะคอง ลำพระเพลิง มูลบน ลำแชะ ลำนางรอง สิรินทร ขุนด่านฯ คลองสียัด บางพระ หนองปลาไหล นฤบดินทรจินดา หนองหารและบึงบระเพ็ด
เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงวันที่ 18 –22 ต.ค. 65 ได้แก่ จ.ชุมพร (อ.หลังสวน ละแม สวี เมืองชุมพร และพะโต๊ะ) จ.ระนอง (อ.เมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ) จ.พังงา (อ.เมืองพังงา กะปง ท้ายเหมือง ตะกั่วป่า ทับปุด และตะกั่วทุ่ง) จ.ภูเก็ต (อ.เมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง) จ.กระบี่ (อ.อ่าวลึก) จ.สุราษฎร์ธานี (อ.พระแสง ท่าฉาง คีรีรัฐนิคม ท่าชนะ บ้านนาสาร ไชยา พนม พุนพิน เกาะสมุย และเกาะพะงัน) จ.นครศรีธรรมราช (อ.เมืองนครศรีธรรมราช ท่าศาลา และปากพนัง) และจ.สตูล (อ.เมืองสตูล)
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 30 จังหวัด ได้แก่จังหวัด พิจิตร นครสวรรค์ พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สระบุรี ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา
เขื่อนเจ้าพระยา-ป่าสักฯ ปรับลดการระบายน้ำต่อเนื่อง
สถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,761 (ลบ.ม.)/วินาที มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังไหลลงมาสมทบก่อนไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทาน ได้รับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เริ่มทยอยลดลง มีปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาประมาณ 2,833 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มลดลง ส่วนที่สถานีวัดน้ำ C.29A อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,938 ลบ.ม./วินาที ลดลงเช่นกัน
ด้านแม่น้ำป่าสัก ปัจจุบันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ได้ปรับลด การระบายน้ำเช่นกัน โดยระบายน้ำอยู่ที่อัตรา 401 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้เขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ปรับลดลงตามไปด้วย อยู่ที่ 720 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
หน่วยงานเร่งซ่อมถนนคันคลอง ปตร.เจ้าเจ็ดหลังถูกน้ำกัดเซาะ
กรมชลประทาน ร่วมกับอำเภอเสนา องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำลังพลจาก กอ.รมน.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมทางหลวงชนบท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ได้ดำเนินการซ่อมแซมปิดช่องถนนคันคลองที่ขาด บริเวณประตูระบายน้ำเจ้าเจ็ด อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังระดมเครื่องจักรเครื่องมือและกำลังคน เข้าปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เร่งซ่อมแซมปิดช่องที่ขาดกว้างประมาณเกือบ 20 เมตร ด้วยการใช้แผ่นเหล็กชีทไพล์ (Sheet piles) ตอกฝังแผ่นให้จมลงไปในดิน พร้อมวางกล่องลวดถักบรรจุหินใหญ่ (Gabion) ทำให้สามารถสกัดกั้นน้ำไม่ให้แผ่ขยายวงกว้างออกไปได้แล้ว ช่วยบรรเทาและลดผลกระทบในพื้นที่ตอนล่าง และยังสามารถใช้ถนนคันคลองในการเดินทางสัญจรได้ตามปกติ
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 20 ต.ค. 2565 ดังนี้
1. ประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ
ประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 51/2565 ลงวันที่ 16 ต.ค.2565 กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 17 – 18 ต.ค. 2565 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีน ได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นกับมีลมแรง และมีฝนบางแห่ง ในขณะที่ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก บริเวณภาคใต้ ในช่วงวันที่ 18 – 22 ต.ค. 2565 ได้แก่ จังหวัดชุมพร (อำเภอหลังสวน ละแม สวี เมืองชุมพร และพะโต๊ะ) จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ) จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง ท้ายเหมือง ตะกั่วป่า ทับปุด และตะกั่วทุ่ง) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง) จังหวัดกระบี่ (อำเภออ่าวลึก) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอพระแสง ท่าฉาง คีรีรัฐนิคม ท่าชนะ บ้านนาสาร ไชยา พนม พุนพิน เกาะสมุย และเกาะพะงัน) จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ท่าศาลา และปากพนัง) และจังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล)
2. ผลการดำเนินงานตามมาตรการรองรับฤดูฝน ปี 2565
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ดำเนินการดูแลด้านความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อน เพื่อสร้างประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนได้อย่างต่อเนื่องและมีความปลอดภัย ซึ่ง กฟผ. ให้ความสำคัญกับการดูแลในการตรวจสอบและบำรุงรักษาเขื่อนตามมาตรฐานสากลขององค์การเขื่อนใหญ่ระหว่างชาติ (International Commission on Large Dams, ICOLD) อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบจุดสำคัญต่าง ๆ เช่น ตัวเขื่อน ลาดเขื่อน ตีนเขื่อน เป็นประจำโดยเจ้าหน้าที่ประจำเขื่อนทุกเขื่อนของ กฟผ. และมีการติดตั้งระบบตรวจสุขภาพเขื่อนแบบอัตโนมัติ เพื่อตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อน เช่น การทรุดตัวเคลื่อนตัว แรงดันน้ำในตัวเขื่อน น้ำรั่วซึม หากมีความผิดปกติ ระบบนี้จะมีการแจ้งเตือนความผิดปกติแก่เจ้าหน้าที่ทันที นอกจากนี้ก่อนเข้าฤดูฝน เจ้าหน้าที่เขื่อนจะทำการตรวจสอบความพร้อมของอาคารชลศาสตร์และมีการทดสอบอุปกรณ์การเปิด – ปิดบานระบายน้ำของอาคารระบายน้ำต่าง ๆ เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าฤดูฝน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนที่อยู่ท้ายน้ำ ซึ่งสำหรับปีนี้ได้มีการดำเนินการก่อนฤดูฝนที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว และทุก 2 ปี กฟผ. จะดำเนินการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยของเขื่อน โดยคณะกรรมการตรวจสอบเขื่อนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเขื่อนของ กฟผ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความมั่นคงแข็งแรงอีกทางหนึ่ง
3. สถานการณ์น้ำท่วม
สถานการณ์อุทกภัยในชุมชนเมืองและพื้นที่เกษตรกรรม ปัจจุบันมี 30 จังหวัด ภาคเหนือ 6 จังหวัด พิจิตร นครสวรรค์ พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ภาคกลาง 10 จังหวัด ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สระบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 จังหวัด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และภาคตะวันออก 3 จังหวัด นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา