สมอ. ปรับมาตรฐานแอร์เป็นมาตรฐานบังคับ
สมอ. ปรับมาตรฐานแอร์เป็นมาตรฐานบังคับ
สมอ. แก้ไขมาตรฐานเครื่องปรับอากาศขนาดความเย็นรวมไม่เกิน 18,000 W หรือ ประมาณ 60,000 BTU เป็นมาตรฐานบังคับ เพิ่มเติมด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพในการทำงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วงเมษายน – ต้นพฤษภาคม เป็นช่วงที่อากาศร้อนจัดอุณหภูมิสูงที่สุดถึง 42-43 องศาเซลเซียส จึงทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ซึ่งในปีนี้ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานแจ้งว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงกว่าปีที่ผ่านมา 4.6% สมอ. จึงคำนึงถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายและมีผลต่อปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศ
ทั้งนี้ สมอ. ได้กำหนดมาตรฐานเครื่องปรับอากาศมาตั้งแต่ปี 2541 จึงสมควรทบทวนมาตรฐานโดยการยกเลิกมาตรฐานเดิม มอก. 1529-2541 และกำหนดมาตรฐานเครื่องปรับอากาศ คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย มาตรฐานเลขที่ มอก. 1529-25XX โดยกำหนดเป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อให้มาตรฐานมีความทันสมัยเหมาะสมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปและสอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ IEC 60335-2-40 : 2013 ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยขอบข่ายของมาตรฐานฉบับใหม่ครอบคลุมเครื่องปรับอากาศ แบบเคลื่อนที่ แบบตั้งพื้น แบบหน้าต่าง แบบติดผนัง และแบบติดตั้งเพดาน ที่มีขีดความสามารถในการทำความเย็นรวมไม่เกิน 18,000 W หรือ ประมาณ 60,000 BTU
มาตรฐานฉบับนี้กำหนดการป้องกันการเข้าถึงไฟฟ้า การเกิดความร้อน กระแสไฟฟ้ารั่ว การต้านทานต่อความชื้น การป้องกันการโหลดเกินของหม้อแปลงไฟฟ้า ความทนความร้อนและไฟ และความต้านทานการเป็นสนิม นอกจากนี้ยังกำหนดปริมาณสารทำความเย็นที่ติดไฟได้ ให้มีในปริมาณที่มีความปลอดภัยต่อการใช้งาน ดังนั้นในการใช้งานเครื่องปรับอากาศควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่กำหนดตามคู่มือการใช้งาน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ สมอ. กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อประกาศเป็นมาตรฐานบังคับต่อไป จึงขอให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ทำและผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เตรียมความพร้อมก่อนที่ สมอ. จะประกาศเป็นมาตรฐานบังคับ