ทรัมป์คุยคิมเดือนหน้าที่สิงคโปร์
เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯเผยว่า การประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างเขากับประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือจะมีขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์
มีการประกาศสถานที่และวันที่จัดการประชุมในทวิตเตอร์ของผู้นำสหรัฐฯไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเขาเดินทางไปต้อนรับ 3 นักโทษชาวอเมริกันที่ได้รับการปล่อยตัวจากเกาหลีเหนือถึงสนามบินด้วยตัวเอง
“ เราทั้งสองประเทศจะพยายามให้การประชุมครั้งนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษสำหรับสันติภาพโลก ” ทรัมป์ทวีต
กระทรวงต่างประเทศของสิงคโปร์ระบุในแถลงการณ์ว่า สิงคโปร์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นประเทศที่จัดการประชุม “ เราหวังว่าการประชุมจะทำให้มีความก้าวหน้าด้านสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี ”
นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงกล่าวว่า การประชุมระหว่างสองผู้นำเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่หนทางของสันติภาพ โดยเขาเสริมว่า “ จะนำไปสู่ผลลัพธ์ของความสำเร็จ ”
โดยการพูดคุย ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในวันเดียว จะมุ่งไปที่ประเด็นสำคัญคือโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่ผ่านมา
“ ผมคิดว่าจะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ ” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในขณะที่ขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันเพื่อเดินทางไปรัฐอินเดียนา
ทางการสหรัฐฯระบุว่า การปล่อยตัวชาวอเมริกันทั้ง 3 คนจากเกาหลีเหนือถือเป็นการขจัดอุปสรรคสำคัญก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น และเป็นสิ่งยืนยันว่านโยบายของประธานาธิบดี และการกดดันขั้นสูงสุดนั้นได้ผล
ความพยามยามของรัฐบาลสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ที่มุ่งหวังจะหยุดยั้งโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯนั้นล้มเหลว ทรัมป์จึงตั้งปณิธาณว่า เขาจะต้องทำให้เกาหลีเหนือระงับโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธให้ได้
จนถึงตอนนี้ เกาหลีเหนือยังไม่มีหลักฐานยืนยันเป็นรูปธรรมว่า จะมีการปลดอาวุธนิวเคลียร์จริงตามที่พูด ทัังยังไม่มีระบุกำหนดเวลาหรือวิธีการที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างชัดเจน
“ เป้าหมายของท่านประธานาธิบดีชัดเจนมาก ต้องมีการยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์อย่างจริงจัง ไม่กลับคำและมีหลักฐานพิสูจน์ได้ หากท่านไม่เห็นว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ก็จะไม่มีการทำข้อตกลง” Victoria Coates จากสภาความมั่นคงระบุ
การประชุมที่จะมีขึ้นจุดประกายความหวังที่จะทำให้สิ่งนี้สำเร็จ อ้างอิงจาก Cory Gardner ส.ว.จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งพูดคุยเรื่องการเตรียมงานการประชุมกับทรัมป์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา
“ นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของการมองในแง่บวก ท่านประธานาธิบดีเข้าใจว่า นี่เป็นโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ที่จะจะบรรลุสิ่งที่โลกไม่สามารถบรรลุได้มานานหลายทศวรรษ”
ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐฯก็จะระวังเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงที่จะล้มเหลวและความจำเป็นที่ต้องทำให้ชัดเจนว่า การปลดอาวุธนิวเคลียร์คือ การยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด
แต่ก่อนที่จะพูดคุยในด้านเทคนิคเกี่ยวกับกระบวนการแปรสภาพแท่งเชื้อเพลิง การแยกพลูโตเนียม หรือการใช้เชื้อเพลิงที่เคลื่อนย้ายออกมา ท่านประธานาธิบดีต้องการตอบคำถามพื้นฐานแค่คำถามเดียวคือ เกาหลีเหนือต้องการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
“ นี่เป็นบททดสอบครั้งสำคัญ ผมคิดว่าคิมจองอึนต้องการให้สหรัฐฯผ่อนคลายการกดดันขั้นสูงสุดลง และหวนกลับไปสู่โต๊ะเจรจา นี่เป็นหนทางเดียวที่เขามี ”
ทั้งนี้ จากโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้เกาหลีเหนือประสบกับปัญหาทางการเงิน การถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ การอดอยากของประชากร และการละเมิดสิทธิมนุษยชนมานานหลายทศวรรษ
“ หนทางที่เราเดินทางผ่านมา ไม่เคยจบลงได้ด้วยดี ผมหวังว่าครั้งนี้จะต่างออกไป ” Gardner กล่าว