สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 4 พ.ค. 65
แม่น้ำสายหลัก น้ำน้อยถึงปกติ ภาคเหนือ ภาคใต้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนแม่น้ำโขง น้ำน้อยถึงปกติ มีแนวโน้มทรงตัว
ปริมาณน้ำ แหล่งน้ำทุกขนาด 46,463 ล้าน ลบ.ม. (57%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 40,673 ล้าน ลบ.ม. (57%) เฝ้าระวังน้ำน้อย จำนวน 4 แห่ง บริเวณภาคเหนือ (3 แห่ง) ภาคตะวันออก (1 แห่ง) เฝ้าระวังน้ำมาก จำนวน 1 แห่ง ได้แก่ อ่างฯ ป่าสักชลสิทธิ์
วานนี้(3 พ.ค. 65) คณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบ 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2565 เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำในฤดูฝนปี 65และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้งปี 65 – 66โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการตามมาตรการต่อไป ประกอบด้วย 13 มาตรการ ดังนี้
มาตรการที่ 1 คาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ
มาตรการที่ 2 การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก (ภายในเดือนสิงหาคม 2565)
มาตรการที่ 3 ทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำ
ในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ – กลาง และเขื่อนระบายน้ำ
มาตรการที่ 4 ซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์/ระบบระบายน้ำ สถานีโทรมาตรให้พร้อมใช้งาน (ภายในเดือนกรกฎาคม 2565)
มาตรการที่ 5 ปรับปรุง แก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ (ภายในเดือนกรกฎาคม 2565)
มาตรการที่ 6 ขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา (ภายในเดือนกรกฎาคม 2565)
มาตรการที่ 7 เตรียมพร้อม/วางแผนเครื่องจักร เครื่องมือประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ (ภายในเดือนกรกฎาคม 2565)
มาตรการที่ 8 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและปรับปรุงวิธีการส่งน้ำ (ก่อนฤดูฝน-ตลอดช่วงฤดูฝน)
มาตรการที่ 9 ตรวจความมั่นคงและปลอดภัยคัน/ทำนบ/พนังกั้นน้ำ (ก่อนฤดูฝน-ตลอดช่วงฤดูฝน)
มาตรการที่ 10 จัดเตรียมพื้นที่อพยพและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ (ภายในเดือนพฤษภาคม 2565)
มาตรการที่ 11 ตั้งศูนย์ส่วนหน้าก่อนเกิดภัย (ตลอดช่วงฤดูฝน)
มาตรการที่ 12 การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ (ก่อนฤดูฝน-ตลอดช่วงฤดูฝน)
มาตรการที่ 13 ติดตาม ประเมินผล และปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย (ตลอดช่วงฤดูฝน)
ทั้ง 13 มาตรการ เป็นการบูรณาการทำงานของทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องรวมทั้งเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อเก็บกักไว้ใช้ช่วงฤดูแล้ง และแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงการเกิดอุทกภัยด้วย