“จุรินทร์” หนุน soft power ส่งหนังไทยไปตลาดโลก
“จุรินทร์” หนุนเต็มสูบ ใช้ soft power ส่งภาพยนตร์ไทยไปตลาดโลก ผ่าน 4 แพลตฟอร์มยักษ์
วันที่ 27 ม.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “คอนเทนต์ พิทชิ่ง” (Content Pitching) ธุรกิจภาพยนตร์และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ณ อาคาร เกษร ทาวเวอร์ กรุงเทพมหานคร
นายจุรินทร์ กล่าวว่า เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้วตนมีโอกาสไปร่วมงานภาพยนตร์ที่ลอสแองเจลิสและดูการผลิตงาน digital content ภาพยนตร์ Walt Disney Nickelodeon ซึ่งมีคนไทยทำงานอยู่ เกิดความรู้สึกเสียดายว่าจะสามารถช่วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ digital content ของประเทศไทยได้ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไปพิจารณาการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของเขาแม้จะปักหลักอยู่ที่โน่นกัน เช่น การเชิญเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ให้กับคนรุ่นใหม่เป็นครั้งๆ อันนี้คือสิ่งที่ได้ดำเนินการมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมาของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีการดำเนินการด้วยแผนที่ชัดเจนต่อเนื่อง
นายจุรินทร์ กล่าวว่า นโยบายสำคัญที่มอบหมายเป็นพิเศษนอกจากงานประกันรายได้เกษตรกรการส่งเสริม SME Micro SME ส่งเสริมการส่งออก จนทำตัวเลขสูงสุดในประวัติการณ์ท่ามกลางสถานการณ์ covid ทำให้ตัวเลขนำเงินเข้าประเทศ 8.5 ล้านล้านบาทเป็นบวกถึง+ 17.1 % เป็นเพราะทำงานร่วมกับเอกชนอย่างใกล้ชิดด้วยหลักรัฐหนุนเอกชนนำ โดยให้เอกชนเป็นพระเอกตัวจริงในการนำเอาธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจอื่นๆจากตลาดไทยไปสู่ตลาด
” แต่อีกนโยบายสำคัญ คือ soft power กระทรวงพาณิชย์จะต้องเป็นผู้ที่ช่วยส่งเสริม soft power เพื่อที่จะทำให้ soft power ของไทยไปผงาดในตลาดโลกต่อไป ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิลปะวัฒนธรรมวิถีชีวิตโดยเฉพาะอาหารไทยเป็นที่เลื่องลือและยอมรับไปทั่วโลก และสิ่งที่มีความคุณค่ามากที่สุด คือ ความเป็นไทย ที่ไม่มีใครแย่งไปจากเราได้ ซึ่งนำไปขายได้ในทุกเรื่อง ทั้งในด้านการผลิตที่ละเอียดลออ งดงามและมีความรับผิดชอบ ในภาคบริการการท่องเที่ยวที่ไม่มีใครสู้เราได้ในโลก ซึ่งทั้งหมดนี้จะไปสู่โลกได้อย่างไร เราก็ทำมาเป็นลำดับและทำเป็นระบบชัดเจน มีกลไกรับผิดชอบยิ่งขึ้นที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมดูแลการให้บริการการถ่ายทำภาพยนตร์ไทย วัด เจดีย์ สถานที่ และคิดค่าบริการต่างๆ ส่วนกระทรสงอื่นทำอย่างอื่น ต่อไปนี้กระทรวงพาณิชย์จะเป็นตัวหลักในการเป็น call center ในขณะที่กลไกรัฐไม่ได้ตั้งใครเป็นทางการ แต่ผมสั่งการให้เข้ามาเพราะกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบธุรกิจบริการ ดิจิตอลคอนเทนต์ ภาพยนตร์ และเราก็สนับสนุนการจัดภาพยนตร์นานาชาติมาหลายปีซึ่งก็ต่อเนื่อง” นายจุรินทร์ กล่าว
สำหรับกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมครั้งแรกในปี 2565 ซึ่งได้มอบหมายให้ดำเนินยุทธศาสตร์ soft power และในปีนี้จะทำกิจกรรม ตั้งแต่มกราคมถึงธันวาคมเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องมีภาพที่ชัดเจนว่าไทยเราเดินหน้าไปได้อย่างไร ซึ่งกิจกรรมวันนี้เป็นกิจกรรมแรกของปี 65 ซึ่งเรามีผู้สร้างภาพยนตร์หรือเจ้าของภาพยนตร์หรือเจ้าของผลงานดิจิตอลคอนเทนต์ 15 ราย มาจับคู่เจรจาธุรกิจกับผู้ให้บริการสตรีมมิ่งความบันเทิงจำนวน 4 บริษัท คือ โอทีที ทีวี, เน็ทฟลิกซ์, วีทีวี, อ้ายฉีอี้ และวิว และหวังว่าภาพยนตร์ไทยจะมีโอกาสเข้าไปสู่ตลาดโลกผ่านช่องทางนี้สำหรับกิจกรรมนี้ต่อไป
นายจุรินทร์ กล่าวว่า จากการสำรวจภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนท์ไทยที่ผ่านมาพบว่ามีมูลค่ารวม 209,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นภาพยนตร์และทีวีกว่า 153,300 ล้านบาท ที่เหลือเป็นธุรกิจชมภาพยนตร์ออนไลน์ 36,000 ล้านบาท เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจของไทยของเรา และปีต่อไปเราจะทำให้บวกไปเรื่อยๆโดยเฉพาะการจับคู่ซื้อขายธุรกิจภาพยนตร์ digital content เกม อนิเมชั่น ที่ทดลองขายได้ไป 9,000 ล้านบาท และหวังว่าต่อไปอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% น่าจะทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้