“วีริศ”ลั่น ดัน กนอ.ศูนย์กลางฐานการผลิตอาเซียน
กนอ. ฉลองครบรอบ 49 ปี “วีริศ” ประกาศเดินหน้าแผนปี’65 สร้างมิติใหม่ ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมเป็นศูนย์กลางฐานการผลิตของภูมิภาคอาเซียน
กนอ. ฉลองครบรอบ 49 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “49 ปี กนอ. เปลี่ยนเพื่ออนาคต…..สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน : Transform to the Sustainable Future” โชว์วิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมครบวงจรในภูมิภาค ประกาศเดินหน้าแผนปี’65 สร้างมิติใหม่ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมเป็นศูนย์กลางฐานการผลิตของภูมิภาคอาเซียน สอดรับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและนโยบาย BCG ของรัฐบาล ในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า ความสำเร็จของ กนอ.ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นว่า บนรากฐานของความร่วมมืออย่างดีจากพันธมิตรทางธุรกิจ และนโยบายของผู้บริหารที่มุ่งมั่นพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในแต่ละช่วงสมัย ส่งผลให้ กนอ.เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพ จนกลายเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ ในระดับภูมิภาค เห็นได้จากปัจจุบันมีนิคมอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 65 แห่ง 16 จังหวัด ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินงานเอง 14 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน 51 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่ง มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ประมาณ 178,891 ไร่ มูลค่าเงินลงทุนสะสม 5.27 ล้านล้านบาท มีผู้ใช้ที่ดินสะสม 5,019 โรงงาน มีแรงงานสะสม 815,804 คน โดยมีนักลงทุนทั้งจากในประเทศ และต่างประเทศร่วมลงทุนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ด้วยความท้าทายใหม่ ๆ ในปัจจุบัน ทั้งเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 สภาวะโลกร้อน ปริมาณน้ำฝน และความรุนแรงของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้ว ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติในหลายประเทศ กลายเป็นเรื่องของโลกที่ทุกประเทศต้องให้ความสำคัญ ทั้งนี้ จากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเจตนารมณ์ว่า ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ด้วยทุกวิถีทางในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2065 ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด BCG Model ของรัฐบาล ที่ใช้หลักคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว มาเป็นแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนประเทศ เพื่อสร้างการพัฒนาอย่างสมดุลมากขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
สำหรับการขับเคลื่อน กนอ.ในอนาคต เน้นเร่งดึงดูดการลงทุน หาช่องทางธุรกิจใหม่ กำหนดแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ แผนการพัฒนาศักยภาพบุคลากร กนอ. และยังคงให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีโครงการลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ 1. โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ได้เร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผน โดยดำเนินการประกาศเชิญชวนเอกชนเพื่อยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 และคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาร่วมลงทุนได้ในเดือนพฤศจิกายน 2565 และ 2. โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค มีการลงนามในสัญญาก่อสร้างและควบคุมงานก่อสร้างกับบริษัทผู้รับจ้าง เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 36 เดือน และจะเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2567
ทิศทางการดำเนินงานในปี 2565 นอกจาก กนอ.จะให้ความสำคัญกับการเร่งดึงดูดการลงทุนใน นิคมอุตสาหกรรม ผ่านมาตรการทางการตลาดและมาตรการเชิงรุกให้มากขึ้นแล้ว กนอ.ยังให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ โดยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรม อาทิ โครงการ Facility 4.0 ในการนำเอาเทคโนโลยีมาพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม การทำ Digital Twin ระบบบำบัดน้ำเสีย Smart Meter การพัฒนาศักยภาพบุคลากร กนอ. โดยเฉพาะด้าน IT Digital รวมถึง กนอ.จะแสวงหาช่องทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ สร้างรายได้ในระยะยาวอีกด้วย