ธ.ก.ส.จี้ลูกค้าเหยื่อโควิดฯ เร่งเข้า ม.พักหนี้เงินต้น-ดบ. ภาคสมัครใจ
ธ.ก.ส. ชวนลูกค้า 4 กลุ่มหลัก ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ COVID – 19 เร่งแจ้งขอรับการช่วยเหลือผ่านมาตรการพักชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยภาคสมัครใจ เผย! ที่ผ่านมามีผู้ใช้สิทธิแล้วกว่า 3.58 ล้านราย ต้นเงินกู้ทะลึ 1.05 ล้านล้านบาท สนใจเข้าร่วมโครงการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึง 15 ธ.ค.นี้
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต รวมถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นอย่างมาก และยังมีแนวโน้มแพร่ระบาดต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง ซึ่ง รัฐบาล โดยกระทรวงการคลังและและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มอบนโยบายให้สถาบันการเงินเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 มีมติเห็นชอบมาตรการผ่อนปรนการชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ยเงินกู้ หรือการเลื่อนงวดชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ลูกค้า
ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ได้ดำเนินโครงการพักชำระหนี้ภายใต้มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ตามความสมัครใจ (พักหนี้โควิดภาคสมัครใจ) ให้กับลูกค้าที่มีต้นเงินคงเป็นหนี้ หรือดอกเบี้ยคงเป็นหนี้ก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และไม่มีสถานะเป็นหนี้ค้าง (NPLs) เพื่อเป็นการผ่อนคลายความกังวลใจและลดภาระการชำระหนี้ให้แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นการชั่วคราว ให้สามารถนำเงินที่จะต้องชำระหนี้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือใช้เสริมสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจในช่วงที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยมีจำนวนผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ 3,585,296 ราย ต้นเงินกว่า 1,051,546 ล้านบาท
สำหรับ ลูกค้าที่ได้รับประโยชน์ตามมาตรการดังกล่าวแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
1) กลุ่มลูกค้าเกษตรกรและบุคคล
2) กลุ่มลูกค้า ผู้ประกอบการ (นิติบุคคล) และสถาบัน ได้แก่ กลุ่มบุคคล กองทุนหมู่บ้านหรือชุมชนเมือง ผู้ประกอบการ (นิติบุคคล) องค์กร กลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์ (ไม่รวมสหกรณ์ออมทรัพย์ ส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ)
3) กลุ่มลูกค้าที่มีหนี้เงินกู้ตามโครงการสนับสนุนสินเชื่อฉุกเฉินสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 และสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ระยะที่ 1-2 โดยมีเงื่อนไขกรณีงวดชำระรายปี พักชําระเงินต้นที่ถึงกําหนดชําระตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม 2564 ถึงงวดเดือนมีนาคม 2565 เป็นระยะเวลา 1 ปี นับจากงวดชําระเดิม และกรณีงวดชําระรายเดือน/รายไตรมาส/ราย 6 เดือน พักชำระต้นเงินที่ถึงกำหนดชำระตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม 2564 ถึงงวดเดือนธันวาคม 2564 โดยนำต้นเงินงวดตามที่ลูกค้าสมัครเข้าร่วมโครงการและต้นเงินงวดเดือนถัดไป (รวม 2 งวด) ไปรวมไว้กับงวดสุดท้ายของสัญญา ทั้งนี้ ทุกกรณีงวดชำระจะได้รับการพักชำระดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถึงกำหนดชำระตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม 2564 ถึงงวดเดือนธันวาคม 2564 เป็นระยะเวลา 2 เดือน นับจากงวดชำระเดิม
และ 4) กลุ่มลูกค้าที่ใช้สินเชื่อระบบอิสลาม ทั้งที่เป็น เกษตรกร บุคคล ผู้ประกอบการและสถาบัน (กลุ่มบุคคล กองทุนหมู่บ้านหรือชุมชนเมือง ผู้ประกอบการ (นิติบุคคล) องค์กร กลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์ (ไม่รวมสหกรณ์ออมทรัพย์ ส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ) โดยในกรณีที่มีงวดชำระรายปี จะพักชำระทุนเงินที่ถึงกำหนดชำระตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม 2564 ถึงงวดเดือนมีนาคม 2565 เป็นระยะเวลา 1 ปี นับจากงวดชำระเดิม และพักชำระค่าธรรมเนียม/กำไรที่ถึงกำหนดชำระตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม 2564 ถึงงวดเดือนธันวาคม 2564 เป็นระยะเวลา 2 เดือน นับจากงวดชำระเดิม และกรณีงวดชําระรายเดือน/รายไตรมาส/ราย 6 เดือน พักชำระทุนเงินและค่าธรรมเนียม/กำไรสำหรับสัญญาที่มีงวดชำระตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม 2564 ถึงงวดเดือนธันวาคม 2564 (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)
ทั้งนี้ โครงการพักชำระหนี้ดังกล่าวข้างต้นต้องไม่เป็นสัญญาเงินกู้ที่อยู่ในโครงการที่ได้รับการช่วยเหลือหรือมีเงื่อนไขพิเศษตามมาตรการอื่น และโครงการนโยบายรัฐ รวมถึงโครงการสินเชื่อบุคลากรภาครัฐหรือโครงการอื่นที่ให้การสนับสนุนสินเชื่อแก่ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
“มาตรการดังกล่าวในขณะนี้มีลูกค้า ธ.ก.ส.ที่แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการแล้ว 194,728 ราย แบ่งเป็นลูกค้ารายบุคคลจำนวน 187,792 ราย และลูกค้าประเภทสถาบันและ นิติบุคคลจำนวน 6,936 แห่ง” นายธนารัตน์ กล่าวและย้ำว่า
ลูกค้าที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์การเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินได้ผ่านช่องทาง LINE Official : BAAC Family เว็บไซต์ https://www.baac.or.th และ Call Center 02 555 0555 หรือที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2564.