ทรัมป์ถอนสหรัฐฯจากข้อตกลงปารีส
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงสภาพอากาศปารีสที่ทำขึ้นในปี 2558
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า จะเจรจาทำข้อตกลงใหม่ที่มีความยุติธรรมที่ไม่ทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบทางธุรกิจและการสร้างงาน
โดยประธานาธิบดีทรัมป์เคยกล่าวในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้วว่า เขาจะพยายามหามาตรการที่จะช่วยอุตสาหกรรมน้ำมันและถ่านหินของสหรัฐฯ ให้มากกว่านี้
ฝ่ายค้านกล่าวว่า การถอนตัวออกจากข้อตกลงเท่ากับเป็นการสละตำแหน่งผู้นำของสหรัฐฯ ที่มีต่อความท้าทายที่สำคัญทั่วโลก
ทั้งนี้ การทำข้อตกลงปารีสเป็นการรวมสหรัฐฯ และอีก 187 ประเทศเข้าไว้ด้วยกันเพื่อช่วยกันควบคุมอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นโดยเฉลี่ยให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม และพยายามควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส มีเพียงประเทศซีเรียและนิคารากัวที่ไม่ได้ลงนามในข้อตกลง
โดยผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในบริเวณสวนกุหลาบของทำเนียบขาวว่า ข้อตกลงปารีสเป็นการทำข้อตกลงที่มุ่งหวังทำให้สหรัฐฯ อ่อนแรงซวนเซ เสียเปรียบ และยากจนลง
เขาอ้างว่าข้อตกลงนี้จะทำให้สหรัฐฯมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 3 ล้านล้านสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อจีดีพีของประเทศและทำให้ต้องสูญเสียงานถึง 6.5 ล้านตำแหน่ง
“ เพื่อเป็นการเติมเต็มหน้าที่และความรับผิดชอบในการปกป้องอเมริกาและพลเมืองของประเทศ สหรัฐฯ จะถอนตัวออกจากข้อตกลงกรุงปารีส แต่จะเริ่มเจรจาเพื่อปรับเปลี่ยนการเข้าเป็นสมาชิกใหม่ในข้อตกลงสภาพอากาศปารีส หรือ ขอปรับเปลี่ยนการทำธุรกรรมใหม่ทั้งหมดบนเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความยุติธรรมกับสหรัฐฯ ”
“ เราไม่ต้องการให้ผู้นำคนอื่นและประเทศอื่นหัวเราะเยาะเราอีกต่อไป และมันจะไม่เป็นเช่นนั้น ” เขากล่าว
“ ผมได้รับเลือกตั้งมาเพื่อเป็นตัวแทนของพลเมืองในพิตสเบิร์ก ไม่ใช่ปารีส ผมสัญญาว่าผมจะไม่ออก หรือ มีการเจรจาใหม่ในข้อตกลงใดๆ ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯเสียผลประโยชน์ ข้อตกลงการค้าทั้งหลายก็จะต้องมีการเจรจาใหม่ด้วย ”
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ปล่อยมลพิษจากก๊าซคาร์บอนให้โลกประมาณ 15% แต่ยังเป็นแหล่งที่สำคัญของการเงินและเทคโนโลยีสำหรับประเทศกำลังพัฒนาในความพยายามที่จะต่อสู้กับอุณหภูมิที่สูงขึ้น
อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงปารีส ได้ออกมาวิจารณ์ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ทันที โดยกล่าวหาว่า การบริหารประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นการปฏิเสธอนาคต.