“u-Smile101” กับแนวคิดเลือกวัตถุดิบที่สังคมต้องการดันรายได้แตะร้อยล้าน
ความสำเร็จบนเส้นทางของการทำธุรกิจของแต่ละผู้ประกอบการย่อมมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกัน ตามต้นทุนที่แต่ละคนได้รับมาไม่เท่ากัน รวมถึงไอเดียความคิดในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์การเจาะตลาดให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด
“ธีระวัฒน์ วิไลรัตน์” คือชายหนุ่มที่ใช้พื้นฐานทางภูมิลำเนา และความชำนาญในการคลุกคลีอยู่ในวงการการปลูกพืชผักมาเป็นระยะเวลานาน โดยอาศัยโอกาสทางธุรกิจที่ผ่านเข้ามา และคว้าไว้อย่างอยู่มือ จนกระทั่งสามารถต่อยอดธุรกิจให้เกิดกลายเป็นธุรกิจที่มีรายได้หลักร้อยล้าน
ต้นกำเนิดธุรกิจ
สำหรับธุรกิจที่ ธีระวัฒน์ ซึ่งปัจจบันเป็นเจ้าของกิจการ บริษัท ไร่สายชล 101 จำกัด คือ การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผงจากพืชผักมาตรฐานสูง แบรนด์ “ยู-สไมล์ 101” (u-Smile101) โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ตนเป็นผู้ที่อยู่ในวงการจำหน่ายวัสดุในการปลูกพืชผัก และเป็นคนอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ จนมาวันหนึ่งมีชาวต่างชาติเดินทางมาหาเพื่อขอให้ทดลองปลูกผักชนิดหนึ่งชื่อว่า “หน่อไม้ฝรั่ง” (Asparagus) พร้อมกับข้อเสนอที่จะมีการประกันราคาให้ ประกอบกับการให้องค์ความรู้ และวิธีการปลูกทั้งหมดว่าจะต้องทำอย่างไร
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเกษตรกรในประเทศไทย รวมถึงตนมีความรู้ในเรื่องของการปลูกหน่อไม้ฝรั่งน้อยมาก แม้ว่าจะไปขอความรู้จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่หนังสือเล่มขนาดใหญ่ก็มีเรื่องของหน่อไม้ฝรั่งเพียง 10 หน้าเท่านั้นที่ปรากฏอยู่ โดยในช่วงเวานั้นมีพื้นที่ปลูกหน่อไม้ฝรั่งอยู่กว่า 2,800 ไร่บนพื้นที่ของ 2 ตำบล มีลูกค้าจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น จีน, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และยุโรป ที่รับซื้อหน่อไม้ฝรั่งทุกวัน ถึงขนาดที่ต้องมีห้องเย็นของแต่ละประเทศไว้คอยพักหน่อไม้ฝรั่งก่อนที่จะส่งออกไปยังประเทศปลายทาง โดยจะต้องส่งไปถึงภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อความสด และความมีคุณภาพของหน่อไม้ฝรั่ง
อย่างไรก็ดี เมื่อหน่อไม้ฝรั่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกที่ได้ราคาดี ทำให้เกิดกระบวนการที่เรียกว่าตัดหัวคิวจากพ่อค้าคนกลางในภาวะที่ราคาดีดตัวสูงขึ้น เกษตรกรจึงหันไปส่งผลิตภัณฑ์ให้จนไม่พอที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศเหมือนที่ผ่านมา หรือส่งออกไปก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ จนทำให้ต่างชาติเริ่มเอือมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โอกาสที่ดีก็หายไป เมื่อราคาเริ่มแกว่ง ปริมาณของหน่อไม้ฝรั่งมีมากเกินความต้องการของตลาด ราคาก็ตกตํ่าลง
ดังนั้น ตนจึงต้องมาหาวิธีว่าเมื่อซื้อมาแล้วจะนำหน่อไม้ฝรั่งไปทำอะไร ทำทุกวิธีที่พอจะคิดได้ จนมาถึงการอบแห้ง ซึ่งไม่ว่าจะอบอย่างไรหน่อไม้ฝรั่งก็ไม่กรอบเพราะเป็นผักที่มีเส้นใยเยอะ และเหนียว ตนจึงทดลองนำไปปั่นแล้วนำมาชงดื่มเหมือนกับชาเขียว เพราะกลิ่นมีความคล้ายกันอย่างมาก หลังจากนั้นตนจึงเริ่มค้นหาสรรพคุณของหน่อไม้ฝรั่งว่าเป็นอย่างไร เหตุใดจึงทำให้มีราคาที่สูง และได้รับความนิยม ทำให้พบว่าหน่อไม้คือสุดยอดของอาหาร หรือซูเปอร์ฟู้ด รวมถึงเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ มีสารอาหารหลากหลายชนิด
ผู้บริโภคตอบรับด้วยดี
หลังจากนั้น เมื่อมองเห็นโอกาสจึงไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการทำชาเขียวจนได้เทคโนโลยีเรื่องของการบดมาปรับใช้กับหน่อไม้ฝรั่ง ซึ่งทำให้สามารถรับประทานได้ทั้งหน่อ และยิ่งมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้รับข้อมูลจากสมาคมนักเรียนญี่ปุ่นว่า ที่ญี่ปุ่นก็มีการนำหน่อไม้ฝรั่งมาแปรรูป เพื่อเป็นอาหารบำรุงร่างกาย โดยที่ผ่านมาบริษัทก็ได้ทำการทดลองจำหน่ายออกมาแล้ว 1 รอบภายใต้แบรนด์ “u-Smile101” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภค ทั้งกลุ่มคนทำงานที่ซื้อไปให้กับผู้สูงอายุ หรือกลุ่มผู้สูงอายุซื้อรับประทานเอง และกลุ่มนักปั่นจักรยานที่มาขอซื้อ เพราะเป็นอาหารที่สร้างกล้ามเนื้อ
ส่วนช่องทางการจำหน่ายจะมุ่งเน้นไปที่การตลาดในรูปแบบออนไลน์เป็นหลัก เพื่อสร้างการรับรู้ รวมถึงมีต้นทุนที่ไม่สูงมาก และสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งเฟซบุ๊ก (https: //m.facebook.com/uSmile101/), ไลน์แอด (@usmile101) และเว็บไซต์ (www.usmile101.com) โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือผู้ที่รักสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยกลางคนที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับสุขภาพ และกลุ่มผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม อีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างไม่คาดคิดคือ กลุ่มของคุณแม่ ที่นิยมซื้อไปให้ลูกที่ไม่ชอบรับประทานผักได้รับประทานผักผ่านผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
เมื่อช่องทางการจำหน่ายในประเทศประสบความสำเร็จก็ได้มีการขยายตลาดไปยังต่างประเทว เช่น ไต้หวัน และญี่ปุ่น เป็นต้น
เป้ารายได้หลักร้อยล้าน
ธีระวัฒน์ บอกต่อไปว่า ปัจจุบันบริษัทมีผลิภัณฑ์ที่หลากหลายมากกว่า 20 ผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่าง เช่น ล่าสุดใบหม่อนผงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากสรรพคุณเด่นที่มีการรับรองจากงานวิจัยว่าสามารถต่อต้านเชื้อโควิด-19 ได้ หรือผู้ที่ต้องการดูแลผิวก็จะเลือก ผักเคล (Kale) หรือผักคะน้าใบหยักผง ขณะที่ผู้สูงอายุก็จะเลือกรับประทาน ขิงผง และกระเจี๊ยบเขียวผง เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์กระชายคู่ขิงผงที่มีคุณสมบัติเด่นในรูปแบบของเนื้อ 100% พร้อมชงดื่ม โดยที่ปัจจุบันมีผู้ในความสนจสั่งซื้อเข้ามาแล้วกว่า 1,000 ชุด ซึ่งเชื่อว่าหลังจากที่ผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณตอบโจทย์การต่อต้านเชื้อโควิด-19 ได้อย่างตรงจุดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดในปัจจุบัน
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่กลับเติบโตเพิ่มมากขึ้นจากการเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปทางใดทางหนึ่ง แต่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกเพศ ทุกวัย และทุกกลุ่มอาชีพ จากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งผู้บริโภคจะเลือกรับประทานได้ตามความต้องการของตนเอง
“จากอัตราการเติบโตที่สวนกระแสดังกล่าวเชื่อว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้ไปถึงหลัก 100 ล้านบาทได้ โดยปัจจุบันบริษัทแล้วที่ 20 ล้านบาท ซึ่งต้องเรียนว่าเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของบริษัทที่ต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในวงกว้าง ภายใต้แนวคิด การให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดปลอดภัย ,การใช้งานที่ง่ายขึ้น และเลือกวัตถุดิบที่สังคมต้องการ”
ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ตนเลือกที่จะมองโลกในแง่ดี พร้อมกับก้าวเดินออกไปข้างหน้า และพยายามหาช่องทางให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะเป็นนํ้าที่ไม่เต็มแก้วที่พร้อมจะเติมเต็ม หรือจะกล่าวก็คือ “โอกาสคือแสวงหา วาสนาคือพยายาม นอกจากนี้ ยังมาจากยุทธศาสตร์ของบริษัทที่ต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในวงกว้าง ภายใต้แนวคิด การให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดปลอดภัย ,การใช้งานที่ง่ายขึ้น และเลือกวัตถุดิบที่สังคมต้องการ