ครม.ไฟเขียวสรรพากร ขยาย e – Donation ถึงสิ้นปี’66
กรมสรรพากรชง ครม.ไฟเขียว ขยายเวลา “หักลดหย่อนภาษี 2 เท่า” จากการบริจาคของบุคคลและนิติบุคคล ผ่าน e – Donationลากยาวถึงสิ้นปี’66 หวังจูงใจเอกชนช่วยเหลือสังคมด้านการศึกษาและพัฒนาบุคลากรของชาติ
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) ตามที่กรมสรรพากรเสนอ ว่า เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่กำหนดให้รัฐใช้มาตรการหรือกลไกทางภาษีให้ผู้บริจาคทรัพย์สินเข้ากองทุนฯ ได้รับประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีด้วย เพื่อช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา และเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู โดยมีหลักการสรุปได้ดังนี้
1. บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินให้แก่กองทุนฯ สามารถหักลดหย่อนได้เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่นๆ แล้ว
2. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุดคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนฯ สามารถหักเป็นรายจ่ายได้เป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ และรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างและการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนที่เปิดให้ประชาชนใช้เป็นการทั่วไปโดยไม่เก็บค่าบริการใดๆ หรือสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของทางราชการแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร
ทั้งนี้ ผู้ที่บริจาคให้แก่กองทุนฯ ตามข้อ 1 และ 2จะต้องบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e – Donation) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564 – 31 ธ.ค. 2566
“กรมสรรพากรหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการภาษีข้างต้นจะช่วยจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนงบประมาณหรือเงินทุนทางการศึกษา เพื่อให้เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนได้รับการสนับสนุนทางการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศให้มีคุณภาพ อันจะนำไปสู่การพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป” อธิบดีกรมสรรพากร สรุป
อนึ่ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161.