แจ็ค หม่าตำหนิสหรัฐฯหมดเงินกับสงคราม
นายแจ็ค หม่า มหาเศรษฐีชาวจีนผู้ก่อตั้งยักษ์ใหญ่อี – คอมเมิร์ซอย่างอาลีบาบากล่าวตำหนิสหรัฐอเมริกาจากการให้สัมภาษณ์ในการประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
โดยนายแอนดรูว์ รอส ซอร์คิน ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีได้ตั้งคำถามนายหม่าถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ กับความสัมพันธ์กับจีน หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์พูดเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
นายหม่าตอบว่า การกล่าวโทษจีนในเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่หลงประเด็น หากสหรัฐฯ คิดจะกล่าวโทษใครสักคน ก็ควรจะตำหนิตัวเองมากที่สุด
“ ไม่ใช่ว่าประเทศอื่นๆ มาแย่งงานไปจากประเทศคุณหรอก มันเป็นที่ยุทธศาสตร์การดำเนินนโยบายของคุณเอง คุณควรกระจายเงินและหลายๆอย่างไปในทางที่เหมาะสมถูกต้องกว่านี้ ”
โดยมหาเศรษฐีชั้นนำของโลกกล่าวว่า สหรัฐอเมริกาเสียเงินไปอย่างสูญเปล่ามากกว่า 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับการทำสงครามในช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมา แทนที่จะนำเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในประเทศตัวเอง
นายหม่าไม่เพียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องงบประมาณที่เสียไปกับการทำสงครามกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายและศัตรูอื่นๆ นอกประเทศเท่านั้น แต่เขายังชี้ให้เห็นว่า เหตุผลที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อ่อนแรงลงไม่ใช่เพราะจีนแย่งงานไป
นอกจากนี้ นายหม่ายังได้พูดถึงหลายองค์กรในสหรัฐฯ ที่มียุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่ยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบ
“ บริษัทหลากหลายสัญชาติในสหรัฐฯ มีรายได้เป็นล้านๆ ดอลลาร์สหรัฐฯ จากโลกาภิวัตน์ ใน 30 ปีที่ผ่านมา ทั้งไอบีเอ็ม ซิสโก ไมโครซอฟท์ พวกเขาทำกำไรเป็นหลายๆ ล้าน กำไรของพวกเขาอาจมากกว่าเงินในธนาคาร 4 แห่งของจีนรวมกัน แต่เงินหายไปไหนหมด ? ”
เขาย้ำว่าสหรัฐฯ ไม่ได้กระจายเงิน หรือลงทุนในเงินอย่างถูกต้อง และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมประชาชนในประเทศรู้สึกหมดหวังกับเศรษฐกิจ โดยเขากล่าวว่า เงินไหลเข้าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและซิลิคอน วัลเลย์ มากเกินไป แทนที่จะกระจายไปช่วยประชาชนในแถบมิดเวสท์ และชาวอเมริกันที่ไม่ได้รับการศึกษาที่ดี
“ คุณควรใช้เงินกับประชาชนของคุณ ไม่ใช่ทุกคนจะผ่านมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เหมือนผม ” ในการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ เขาเคยเล่าว่า เขาถูกปฏิเสธจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดถึง 10 ครั้ง
โดยนายหม่าเน้นว่า โลกาภิวัตน์เป็นสิ่งที่ดี แต่มันควรจะครอบคลุม ไม่ควรจะจมอยู่กับกลุ่มเศรษฐีเท่านั้น
“ โลกต้องการความเป็นผู้นำจากคนรุ่นใหม่ แต่การเป็นผู้นำใหม่ๆ ไม่ใช่การสุมหัวทำงานร่วมกัน ในฐานะที่ผมเป็นนักธุรกิจ ผมต้องการให้โลกแบ่งปันความมั่งคั่งร่วมกัน ” เขากล่าว.