“สุริยะ” ชูแนวทาง พลิกวิกฤตฟื้นศก.ไทย
สุริยะ ชู แนวทาง พลิกวิกฤตอุตสาหกรรม ฟื้นเศรษฐกิจไทย พร้อมเร่ง พัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติรับโลกยุคใหม่
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษเรื่อง “มุมมองใหม่ของอุตสาหกรรมไทยหลังสถานการณ์โควิด-19” ในงานประจำปี สศอ. (OIE Forum) ประจำปี 2563 ว่า ที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมของไทยมีทิศทางการเติบโตที่ค่อนข้างดี แต่ปีที่แล้วเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่สงครามการค้าระหว่างประเทศ ตามมาด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบรุนแรงไปทั่วโลกทั้งภาคเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรมการบริการและการผลิตในสาขาต่างๆ รวมไปถึงภาคการค้าการลงทุน แต่จากการบริหารจัดการที่เข้มแข็งทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ
อีกทั้งมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทำให้กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ โดยใช้ศักยภาพที่มีอยู่ของภาคอุตสาหกรรมเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้
โดยแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาที่สำคัญได้แก่ มุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศและท้องถิ่น กระจายความเสี่ยงในห่วงโซ่การผลิต ที่พึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศมาพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งเสริมการผลิตและส่งออกสินค้าศักยภาพที่สร้างสายการผลิตและมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นในประเทศ รวมทั้งเร่งส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรม
สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพต้องขับเคลื่อนไปในทิศทางที่สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและช่วยเพิ่มศักยภาพของภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย
โดยการพัฒนาด้านเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ด้วยการนำงานวิจัยมาต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่การออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ และระบบสมองกลฝังตัวเชื่อมโยงกับระบบเครือข่าย โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ New Normal อย่างกลุ่ม Medical Service Robot หรือกลุ่ม Smart Farming
ในส่วนของอุตสาหกรรมอาหาร ต้องสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าให้กับผู้บริโภค ด้วยการพัฒนาและยกระดับด้านระบบมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหารและการวิเคราะห์ผลทางห้องปฏิบัติการ ควบคู่กับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์อาหารเพื่อสร้างความปลอดภัยและลดการสูญเสียระหว่างการขนส่ง
สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม จะต้องมุ่งเน้นการพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสิ่งทอทางการแพทย์ เช่น หน้ากากอนามัย, ชุด PPE ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีโอกาสทางการตลาด ควบคู่กับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการกลุ่มเครื่องนุ่งห่มที่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าวัตถุดิบและการชะลอคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ให้มีการพัฒนาด้าน Supply Chain Management
และการตลาดออนไลน์ในรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ต้องมีการปรับตัวทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การรับรองมาตรฐานและการตลาด ด้วยการยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมในประเทศให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและเพียงพอโดยมีตลาดภายในประเทศรองรับ ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศได้ด้วย
นายสุริยะ กล่าวว่า “ผมได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานใน อก. เดินหน้าผลักดันการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญเหล่านี้ เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสและขับเคลื่อนให้เกิดผลโดยเร็ว โดยเฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพในสาขา ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมอาหาร อีกทั้งเร่งผลักดันมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมในสาขาอื่น ๆ เพื่อขยายผลการพัฒนาให้เกิดขึ้นอย่างครอบคลุมเช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์”
“รวมถึงการผลักดันอุตสาหกรรมการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับเมกะโปรเจกต์ เช่น อุตสาหกรรมระบบราง เครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ในสนามบินและท่าเรือ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว ก่อสร้าง และธุรกิจดิจิทัล ซึ่งขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการปฏิรูปไปสู่ Smart Government โดยเร่งนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการบริการและปฏิบัติงานของกระทรวงอุตสาหกรรมในทุกมิติ”