KTIS ปลื้มรายได้ธุรกิจผลิตไฟฟ้าโตเท่าตัว
กลุ่ม KTIS เดินหน้ารุกธุรกิจชีวภาพต่อเนื่อง ไตรมาส 1 ปี 62 ธุรกิจผลิตไฟฟ้า โต 53.4 % ส่วนรายได้สายธุรกิจน้ำตาลเพิ่มขึ้น 24.1% ขณะที่ธุรกิจเยื่อกระดาษชานอ้อยเพิ่ม 6.2%
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปี 2562 (ตุลาคม – ธันวาคม 2561) สายธุรกิจที่ยังคงมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องคือสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งมีรายได้ 81.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีปริมาณสูงขึ้น แม้ว่าราคาขายไฟฟ้าโดยเฉลี่ยจะลดลงเล็กน้อย
สำหรับสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษชานอ้อยมีรายได้ 393.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% เนื่องจากราคาขายเยื่อกระดาษชานอ้อยเพิ่มขึ้นแม้ว่าปริมาณขายลดลง อย่างไรก็ตาม ในสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ได้รับผลกระทบจากราคาขายเฉลี่ยลดลง ทำให้มีรายได้ลดลง 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย มีรายได้เพิ่มขึ้น 24.1% เนื่องจากปริมาณการขายน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยจะลดลงตามราคาตลาดโลก
“ไตรมาสแรกของปี 2562 ซึ่งเพิ่งเริ่มเปิดหีบอ้อยฤดูการผลิตปี 61/62 ถือว่าเป็นช่วงต้นของการเปิดหีบอ้อยฤดูการผลิตใหม่ซึ่งยังมีน้ำตาลคงค้างในกระบวนการผลิตจำนวนมาก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตน้ำตาลต่อหน่วยยังไม่สะท้อนตัวเลขต้นทุนที่แท้จริง ทั้งนี้ กลุ่ม KTIS มีรายได้รวม 2,799.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 470.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 20.2% แต่อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากราคาขายน้ำตาลทรายเฉลี่ยเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีนี้กับปีก่อนที่ลดลง ทำให้เกิดผลขาดทุนสุทธิ 195.7 ล้านบาท ซึ่งดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 494.7 ล้านบาท” นายณัฎฐปัญญ์กล่าว
นายณัฎฐปัญญ์ กล่าวด้วยว่า การที่บริษัทมีสายธุรกิจที่เป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องหรือธุรกิจชีวภาพมาช่วยเสริมนอกเหนือจากสายธุรกิจน้ำตาลทราย ทำให้ช่วยลดผลกระทบจากราคาน้ำตาลทรายที่ผันผวนได้มาก โดยสายธุรกิจชีวภาพมีกำไรขั้นต้นในไตรมาสแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้นจาก 62.4 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 201.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 139.0 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม KTIS ที่มีจุดเด่นในการจัดหาอ้อยที่นอกจากจะเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำตาลทรายแล้ว ยังสามารถต่อยอดในอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ตามแนวทาง KTIS More Than Sugar.