ยอดขายแบรนด์หรูสหรัฐฯ ซบเซา
แบรนด์เสื้อผ้าราคาแพงอย่างราล์ฟ ลอเรนและไมเคิล คอร์ส์ของสหรัฐอเมริกาต่างรายงานตัวเลขยอดขายที่ซบเซาลง
จากจำนวนลูกค่าที่น้อยลงในห้างสรรพสินค้าและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นจนส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว
โดยแบรนด์ราล์ฟ ลอเรนรายงานว่ารายได้ของบริษัทในไตรมาสแรกลดลง 4% มาอยู่ที่ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้บริษัทมียอดขาดทุนสูงถึง 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
รายได้ประจำไตรมาสของแบรนด์ไมเคิล คอร์ส์ขยับขึ้น 0.2% มาอยู่ที่ 987.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ยอดขายที่ร้านร่วงลงถึง 7.4% ทำให้กำไรของบริษัทลดลงถึง 15.7% มาอยู่ที่ 146.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นายแฮคอน แฮลกีสัน นักวิเคราะห์ด้านค้าปลีกของบริษัทคอนลูมิโนกล่าวว่า แบรนด์เสื้อผ้าราล์ฟ ลอเรนกำลังอยู่ในภาวะมึนงงและสับสนในขณะนี้ เขาคิดว่าทางแบรนด์ควรมุ่งเน้นการทำตลาดไปที่กลุ่มลูกค้าในห้างสรรพสินค้าระดับหรู เช่น ห้าง Nordstrom และ Neiman Marcus จะดีกว่า
นายสเตฟาน ลาร์สัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของราล์ฟ ลอเรนกล่าวว่า บริษัทกำลังก้าวหน้าไปในทิศทางที่ดี จากแผนปรับโครงสร้างที่เหมาะสม
โดยเมื่อต้นปีนี้ เขาได้ประกาศแผนปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการปิดสาขาร้านและตัดลดกำลังการผลิตลง 8% โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการผลิตต่อปีลงได้ถึง 180-220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ถึงแม้รายได้ของแบรนด์ราล์ฟ ลอเรนจะลดลง แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีแสดงถึงความกังวลใดๆ เพราะหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นมาถึง 10% เมื่อเช้าวันที่ 11 ส.ค.
นายจอห์น ไอดอล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบรนด์ไมเคิล คอร์ส์กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดค่อนข้างซบเซา เพราะจำนวนลูกค้าที่ห้างสรรพสินค้าลดลง และจำนวนนักท่องเที่ยวก็ลดลงในบางเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม บริษัทรายงานว่ายอดขายในยุโรปและเอเชียที่ยังไปได้ดี ช่วยชดเชยยอดขายที่ซบเซาลงในสหรัฐฯ
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 34.93 บาท / 11 ส.ค.2559