ค้าปลีกสหรัฐฯดีกว่าคาด
ยอดการค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
อ้างอิงจากตัวเลข ของภาครัฐ โดยได้แรงหนุนสำคัญจากธุรกิจออนไลน์ เสื้อผ้าและสินค้ากีฬา
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงานว่ายอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือน พ.ค. หลังจากที่พุ่งทะยานเป็น 1.3%ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยตัวเลขในเดือน เม.ย.เป็นตัวเลขที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.ปีที่แล้ว และการชะลอตัวในเดือน พ.ค. เป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ยอดขายรถยนต์ปรับเพิ่มขึ้น 0.5% พร้อมกับยอดการใช้เชื้อเพลิงที่สถานีบริการที่ปรับเพิ่มขึ้น 2.1% ด้วยเช่นกัน สะท้อนให้เห็นถึงราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น
ยอดขายเสื้อผ้าในร้านเพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปี 2558 ในขณะที่ยอดขายสินค้าออนไลน์ไต่ระดับขึ้นมา 1.3% โดยสินค้ากีฬาและสินค้าที่เกี่ยวกับงานอดิเรกก็ปรับเพิ่มขึ้น 1.3% ด้วย
นอกจากนี้ ยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้างและบริการอาหารก็ปรับเพิ่มขึ้นกันถ้วนทั่ว เรียกได้ว่าสินค้าปลีกสำคัญมียอดขายเพิ่มขึ้น 0.4%
ทั้งนี้ ยอดการค้าปลีกเป็นมาตรวัดสำคัญในการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยอดค้าปลีกจะปรับเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน พ.ค.
นายเอียน เชฟเฟิร์ดสัน นักเศรษฐศาสตร์ประจำบริษัทแพนธีออน แมคโครอิโคโนมิคส์ให้ความเห็นว่า“เป็นรายงานที่เชื่อถือได้ เนื่องจากตอนนี้อากาศเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จากการอ่อนกำลังลงของปรากฏการณ์เอล นีโญและการหดตัวในช่วงอีสเตอร์ การบริโภคได้กลับเข้าที่เข้าทางแล้ว”
นายนีล เซาน์เดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทวิเคราะห์ค้าปลีกคอนลูมิโน กล่าวว่า ชาวอเมริกันดูเหมือนจะมีความเชื่อมั่นในฐานะทางการเงินของตนเพิ่มขึ้น แต่ยังคงระมัดระวังในการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่เช่น รถยนต์ เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าในประเภทอื่น เพราะยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคต
เขากล่าวว่า“โดยรวมแล้วเดือน พ.ค.ก็ไม่ได้แย่มากสำหรับค้าปลีก แต่ยังคงมีสัญญาณเตือนว่าภาคครัวเรือนยังคงมีการใช้จ่ายเงินอย่างระมัดรระวัง นอกจากนี้เรายังมีข้อมูลจากผลสำรวจลูกค้าของเราว่า มีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตเพิ่มขึ้น หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจยังเห็นผลกระทบต่อการใช้จ่ายไม่ชัดเจน แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจหยุดการขยายตัวของยอดค้าปลีก”
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด หลังจากตัวเลขการจ้างงานในเดือน พ.ค.ลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี โดยมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นเพียง 38,000งานเท่านี้นในเดือน พ.ค. นับว่าน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2553