สั่งติด “มิเตอร์” สกัดปาล์มเถื่อนทะลักไทย
นโยบายส่งเสริมใช้ดีเซล B10 ดันราคาปาล์มน้ำมันแตะ 7 บาทต่อกิโลกรัม ก.พลังงาน สั่งติดมิเตอร์ถังเก็บ CPO และถังเก็บสต็อกน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ป้องกันลักลอบนำเข้า พร้อมลุยโรงไฟฟ้าชุมชน 5 จังหวัดภาคใต้
หลังจาก กระทรวงพลังงาน มีนโยบายส่งเสริม และผลักดันเพิ่มสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลให้เป็น B10 น้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศ ช่วยลดการพึ่งพานำเข้าปิโตรเลียม และยังช่วยสร้างเสถียรภาพราคาผลผลิตทางการเกษตรให้แก่เกษตรกร ส่งผลให้ ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันปัจจุบันขยับขึ้นไปถึง 7 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว จนกลายเป็นความกังวลจะเกิดการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จากต่างประเทศ นั้น
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บอกว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในการบริหารจัดการผลผลิตปาล์มน้ำมันเพื่อใช้ผลิตไบโอดีเซลและเพื่อใช้บริโภค ป้องกันการลักลอบนำเข้า โดยจะมีการติดตั้งมิเตอร์ที่ถังเก็บ CPO ที่โรงสกัดสำหรับปาล์มบริโภค และติดตั้งมิเตอร์ที่ถังเก็บสต็อกน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 100% สำหรับไบโอดีเซล
สำหรับนโยบายผลักดันให้ B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศ จะมีการจำหน่าย B10 ได้ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งหากผลักดันการใช้ B10 สำเร็จก็จะทำให้การใช้ไบโอดีเซล (B100) เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 40% จากปัจจุบัน เปรียบเทียบจากการการใช้ B100 ประมาณ 5.6 ล้านลิตรต่อวันในเดือนธันวาคม 2562 เพิ่มเป็น 7 ล้านลิตรต่อวัน ในปี 2563 โดยที่เป้าหมายการใช้ B10 อยู่ที่ 57 ล้านลิตรต่อวันภายในปี 2563
ส่วนการลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อมอบนโยบายพลังงานชุมชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยมีการรายงานแนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนจากพลังงานจังหวัดนราธิวาส สงขลา ปัตตานี สตูล และยะลา
เมื่อ 20 ม.ค.2563
นายสนธิรัตน์ บอกว่า ประชาชนและผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าชุมชน ให้การตอบรับเป็นอย่างดี
เนื่องจากนโยบายของกระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ถือเป็นการพลิกมิติด้านพลังงานครั้งสำคัญ ตอบโจทย์ประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศสามารถเป็นเข้าถึงพลังงานได้
เพราะนอกจากจะมีส่วนช่วยยกระดับให้ชุมชนได้เป็นผู้ผลิต ผู้ใช้ และผู้จำหน่ายไฟได้เองแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาปากท้อง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลดการย้ายถิ่นฐาน สามารถเพิ่มการลงทุนในพื้นที่ได้อีก เช่น การปลูกพืชพลังงานเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง รวมทั้ง ลดปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จากการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในที่โล่งแจ้ง ซึ่งในท้ายที่สุดทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจ และด้านสุขภาพ
นายสนธิรัตน์ ยังได้ ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มั่นใจได้ว่า กระทรวงพลังงานมีแนวทางในการดำเนินการที่ชัดเจน ทั้งเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชนและการส่งเสริมไบโอดีเซล พร้อมให้การสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการ และชุมชนที่มีความพร้อมเข้าลงทุนเพื่อจะได้มีส่วนช่วยในการสร้างให้การลงทุนใหม่เกิดขึ้นได้
โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับชุมชน ซึ่งกระทรวงพลังงานถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของนโยบายและโครงการนี้.