‘ทรัมป์’ ชี้ดีลการค้ากับจีนใกล้บรรลุ
ปักกิ่ง (รอยเตอร์) – จีนและสหรัฐฯ อยู่ในระหว่างการติดต่อทางการค้าอย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯระบุ ไม่กี่วันก่อนถึงกำหนดการขึ้นภาษีโต้ตอบกัน
โดยเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐฯ “ ใกล้มาก” ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน “ ใกล้มากแล้วที่จะมีดีลครั้งใหญ่กับจีน” ทรัมป์โพสต์บนทวิตเตอร์ “ พวกเขาต้องการทำข้อตกลง เราก็เหมือนกัน ”
ในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ในกรุงปักกิ่ง เกาเฝิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ ทีมเศรษฐกิจและการค้าของทั้งสองฝ่ายยังคงมีการสื่อสารอย่างใกล้ชิด”
ตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นหลังทวีตของทรัมป์ และดัชนี S&P 500 พุ่งสูง 0.85%
คาดการณ์ว่าทรัมป์จะพบกับประธานที่ปรึกษาการค้าในวันที่ 12 ธ.ค.ในช่วงบ่ายเพื่อปรึกษาในประเด็นนี้ จากแหล่งข่าวที่กล่าวกับสื่อรอยเตอร์ก่อนหน้านี้
แจเรด คุชเนอร์ บุตรเขยของทรัมป์มีบทบาทมากขึ้นในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน และอยู่ในกลุ่มที่ปรึกษาที่ผลักดันให้มีการยกเลิกภาษี 50% แหล่งข่าวที่อยู่ในการพูดคุยระบุ
นักวิเคราะห์ที่ Capital Alpha Partners ระบุเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ว่า คาดว่าทรัมป์จะประกาศการเลื่อนเก็บภาษีจากกำหนดเดิม 15 ธ.ค.ออกไปมากกว่า 30 วัน
โดยการตัดสินใจขึ้นภาษีในวันที่ 15 ธ.ค.จะกระทบตลาดการเงิน และการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ – จีนไปจนหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย.ปีหน้า สงครามการค้านาน 17 เดือนระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และบั่นทอนกำไรและการลงทุนของบริษัททั่วโลก
ทั้งสองฝ่ายตกลงกันในเดือนต.ค.ในการสรุปข้อตกลงการค้าเบื้องต้น โดยจีนพยายามซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ มากขึ้นตามความต้องการของสหรัฐฯ แต่เรียกร้องให้สหรัฐฯยกเลิกภาษีที่เก็บกับสินค้าจีนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเช่นกัน
โดยจีนยังประกาศยกเว้นการเก็บภาษีถั่วเหลืองและเนื้อหมูนำเข้าจากสหรัฐฯเป็นบางส่วน และยังระบุด้วยว่า จะมีมาตรการโต้ตอบสหรัฐฯ หากสหรัฐฯยกระดับความตึงเครียดทางการค้าขึ้นอีก
ภาษีของสหรัฐฯ รอบใหม่ที่มีกำหนดจัดเก็บในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จะส่งผลกระทบกับสินค้าหลายประเภท ทั้งข้าวโพด ข้าวสาลี ไปจนถึงชิ้นส่วนรถยนต์ขนาดเล็กและแม่เหล็กที่มีส่วนประกอบของแร่หายาก
ทั้งนี้ จีนระบุว่า หากสหรัฐฯจัดเก็บภาษีตามกำหนดวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จีนก็จะกลับมาเก็บภาษีเพิ่มเติม 25% กับรถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯ และ 5% กับชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งมีการระงับไปเมื่อต้นปี 2562 นี้