ญี่ปุ่นเผยแผนงบประมาณหนุนศก.
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ญี่ปุ่นเผยแผนงบประมาณมูลค่า 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจที่ซบเซา ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงภายนอก และรัฐบาลต้องการคงระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังการแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิกในปีหน้า
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะประกาศแผนงบประมาณจำนวน 13 ล้านล้านเยน ( 3.64 ล้านล้านบาท ) เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งเป็นจำนวนที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ คาดการณ์ว่ารัฐบาลจะประกาศรายละเอียดของงบประมาณในเวลาต่อมาหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติ
“ เราบริหารจัดการเพื่อให้เป็นแผนงบประมาณที่แข็งแกร่ง” นายกฯอาเบะกล่าวกับส.ส.พรรครัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐบาลเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.
“ นี่อยู่บนพื้นฐานของ 3 เสาหลักเพื่อฟื้นฟูจากความเสียหายและความปลอดภัย เป็นการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งเพื่อเอาชนะความเสี่ยงด้านลบของเศรษฐกิจ และคงระดับความสำคัญของเศรษฐกิจหลังจบการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก” เขาเสริม
แหล่งข่าวกล่าวกับสื่อรอยเตอร์ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีมูลค่า 25 ล้านล้านเยน ( 6.99 ล้านล้านบาท ) เมื่อรวมกับเงินกู้รัฐบาล , สินเชื่อค้ำประกัน และการใช้จ่ายภาคเอกชน
เศรษฐกิจญี่ปุ่นดิ่งร่วงในไตรมาสเดือนก.ค. – ก.ย.เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้การส่งออกฟุบ ขณะที่ยอดค้าปลีกดิ่งร่วงเร็วที่สุดในรอบกว่า 4.5 ปีในเดือนต.ค. เนื่องจากมีการปรับขึ้นภาษีบริโภคทำให้ขาช้อประมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
“ นโยบายงบประมาณเป็นเรื่องฉลาดที่จะทำในตอนนี้เพราะไม่มีโอกาสมากนักสำหรับความเคลื่อนไหวของนโยบายการคลัง” Steve Cochrane นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ที่ Moody’s ระบุก่อนประกาศของนายกฯอาเบะ
“ การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน หรือการใช้จ่ายด้านการศึกษาและฝึกอบรมสำหรับคนรุ่นใหม่ หรือการอบรมคนรุ่นก่อนที่ยังอยู่ในตลาดแรงงาน นี่คือกิจกรรมที่จะให้ผลในระยะใกล้สำหรับเศรษฐกิจ แต่อาจส่งผลกระทบในระยะยาวด้วย” Cochrane กล่าว
รัฐบาลที่แบกหนี้สาธารณะจำนวนมากของญี่ปุ่นต้องขยายจำนวนงบประมาณเพื่อสู้กับปัจจัยเสี่ยงภายนอก และผลกระทบจากการขึ้นภาษีบริโภค
เงินงบประมาณจำนวน 13 ล้านล้านเยน ยังรวมถึงการลงทุนงบประมาณและโครงการเงินกู้จำนวนกว่า 3 ล้านล้านเยน โดยรัฐบาลที่แบกภาระหนี้มากพยายามหาข้อได้เปรียบของการกู้ ภายใต้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ
โดยการใช้จ่ายจะครอบคลุมงบประมาณย่อยสำหรับปีงบประมาณนี้ถึงเดือนมี.ค. และงบประมาณรายปีสำหรับปีงบประมาณนี้จากเดือนเม.ย. โดยทั้งสองส่วนจะมีการรวมกันภายหลังในเดือนนี้
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้มีจำนวนน้อยกว่ามาตรการเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปี 2559 ที่มีมูลค่า 28 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นปีที่การลงประชามติเบร็กซิทส่งผลกระทบด้านลบกับแนวโน้มการส่งออกของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ สื่อนิกเคอิรายงานในสัปดาห์นี้ว่า เพื่อให้สมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต และการคงวินัยงบประมาณ ญี่ปุ่นจะเร่งเดินหน้าการออกพันธบัตรใหม่ที่ครอบคลุมการขาดดุล