“Anuroj”ศิลปะสร้างสรรค์บนงานผ้าใยธรรมชาติ
ศิลปะมีชีวิต คงเป็นคำพูดที่ไม่เกินเลยจากความเป็นจริงไปนัก เพราะหลายครั้งจะเห็นว่าศิลปะสามารถพลิกแพลงไปได้อย่างที่ไม่คาดฝัน ตามแต่ไอเดียสร้างสรรค์ของศิลปินผู้นั้นจะกลั่นออกมาจากความรู้สึก ที่สำคัญศิลปะสามารถอยู่ได้ทุกหนทุกแห่ง รวมถึงโลกของธุรกิจ
อนุโรจน์ ตันติยาพงศ์ ชายหนุ่มมากฝีมือ ที่มาพร้อมกันไอเดีย และแนวคิดที่ทันสมัย ทำให้ผลงานการออกแบบของเค้าเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการ และผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันได้นำมาซึ่งธุรกิจของตนเองบนพรสวรค์ในทางศิลปะ ซึ่งเลือกใช้ผ้าจากธรรมชาติมาเป็นตัวกลางที่การส่งต่อผลงานไปสู่ผู้บริโภค และ Startup ธุรกิจของตนเองขึ้นมาภายใต้แบรนด์ “Anuroj”
–จุดเริ่มต้นแบรนด์ “Anuroj”
อนุโรจน์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ห้างหุ้นส่วนจำกัด อนุโรจน์ แฮนด์ เพ้น บอกถึงที่มาที่ไปของไอเดียในการทำธุรกิจของตนเองว่า มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ตนเองรับเป็นผู้ออกแบบลายผ้าในพื้นที่แถวชายแดนของประเทศไทยและมาเลเซีย โดยรับหน้าที่เป็นผู้ออกแบบและเขียนลายเพียงอย่างเดียว เพื่อนำมาทำเป็นลวดลายบนผ้าไหมบาติก ซึ่งในยุคสมัยนั้นผ้าไหมบาติกได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยที่โรงงานทอผ้าไหมจะส่งมาให้ตนเป็นผู้ออกแบบ
อย่างไรก็ดี เมื่อทำงานในรูปแบบดังกล่าวมาได้สักระยะหนึ่ง ก็เดินทางมาถึงจุดหนึ่งที่เรียกว่าอิ่มตัว จึงปรับเปลี่ยนมาทำงานในลักษณะของการเพ้น โดยทำเป็นงานอาร์ตในแนวศิลปะแบบร่วมสมัย ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกนำผ้าใยธรรมชาติมานำเป็นชิ้นงานเพื่อนำเสนอลวดลายการเพ้นสู่ผู้บริโภคมากกว่า 80% ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Anuroj Hand Paint” แต่ปัจจุบันใช้ชื่อว่า “Anuroj” เพื่อความสะดวกสบายในการเรียก
“จุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ Anuroj อยู่ที่การเป็นงานที่เขียนด้วยมือทุกชิ้น หรือเรียกว่างาน Hand made โดยเวลาลงสีจะทำลงไปทีละผืนอย่างประณีต ด้วยความตั้งใจที่จะผลิตชิ้นงานอย่างมีคุณภาพ ทำให้ชิ้นงานแต่ละชิ้นมีคุณค่าในตัวเอง”
–เพิ่มช่องทางออนไลน์เสริมรายได้
สำหรับช่องทางในการจำหน่ายนั้น ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “Anuroj” จะมีจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ทุกสาขารวมถึงการจำหน่ายร่วมกับคิงพาวเวอร์, สนามบินสุวรรณภูมิ, สนามบินดอนเมือง, สนามบินภูเก็ต, ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ท มอลล์ อีกทั้งยังการจำหน่ายร่วมกับโรงแรมดุสิตธานี และล่าสุดได้เปิดจำหน่ายที่อิเซตัน (Isetan) ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ล (Central World Shopping Center)
ส่วนกลยุทธ์ในการขยายตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าในปีนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การทำตลาดออนไลน์ในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายผ่านทางเพจเฟสบุ๊ก (Faecbook), เว็บไซด์อนุโรจน์ดอทคอม (www.anuroj.com), ไลน์แอด (Line@) และอินสตราแกรม (Instagram : IG) ขณะที่ในส่วนของตลาดต่างประเทศล่าสุดมีตัวแทนจำหน่ายจากประเทศสิงคโปร์ให้ความสนใจ เพื่อนำผลิตไปจำหน่าย จากเดิมที่เคยมีจำหน่ายที่ประเทศอินโดนีเซีย และญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนไปเป็นผู้ออกแบบ หรือดีไซเนอร์ให้กับประเทศญี่ปุ่น โดยจะเป็นงานที่เกี่ยวกับละครเวที ซึ่งจะเป็นการขายงานอาร์ตเป็นหลัก
“การเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ เพื่อเป็นการเติมเต็มช่องว่างทางการตลาดให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการทดแทนรายได้ที่ขาดหายมากว่า 50% ในช่วงที่ผ่านมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาทางด้านการเมืองในประเทศ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของแบรนด์ Anuroj เป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยตั้งเป้าจะมีรายได้ให้กลับคืนมาสู่ตัวเลข 7 หลักตามเดิม หลังจากที่รายได้ลดลงมาเหลือประมาณตัวเลข 6 หลักจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น”
–ไอเดียสดใหม่อยู่เสมอ
อนุโรจน์ บอกต่อไปอีกว่า หลักคิดที่ทำให้การทำธุรกิจประสบความสำเร็จของตนนั้น มาจากความคิดสร้างสรรค์ที่ใส่ลงไปบนงานศิลปะผ่านทางชิ้นงานแต่ละชิ้น โดยตั้งใจจะทำให้ผลงานมีความสดใหม่อยู่เสมอ เพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้มีทางเลือก นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องของแนวคิดที่สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางได้ตลอดเวลา ทำให้ตลาด หรือคู่แข่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเรากำลังจะทำอะไรออกมาสู่ตลาด เพราะตนจะมีผู้ที่ติดตามเป็นจำนวนมาก เพื่อดูว่าแบรนด์ Anuroj กำลังจะทำอะไร ดังนั้น ตนจึงสร้างสรรค์ผลงานแบบที่ไม่ให้ตลาดคาดเดาได้ถูก ซึ่งส่งผลทำให้กลายเป็นจุดแข็งของผลิตภัณฑ์แบรนด์ Anuroj ในที่สุด
“ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีเดเวลลอปเม้นท์แบงก์ (SME Development Bank) มีส่วนช่วยในการสนับสนุนธุรกิจของบริษัทให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้มาจนถึงปัจจุบันด้วยการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินผ่านทางสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ รวมไปถึงการให้ความรู้ทางด้านทำตลาด และเรื่องของบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจจากลูกค้า เรียกว่าเป็นการใหความช่วยเหลือแบบครบวงจรในเรื่องของการทำธุรกิจ”.